หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / พรีวิว พรีเมียร์ ลีก ลิเวอร์พูล -vs- เอฟเวอร์ตัน (02.00 น.)

พรีวิว พรีเมียร์ ลีก ลิเวอร์พูล -vs- เอฟเวอร์ตัน (02.00 น.)

พรีวิว พรีเมียร์ ลีก ลิเวอร์พูล -vs- เอฟเวอร์ตัน (02.00 น.)

พรีวิว พรีเมียร์ ลีก ลิเวอร์พูล -vs- เอฟเวอร์ตัน

วันพฤหัสที่ 21 เมษายน 2016 เวลา 02.00 น.

สนาม แอนฟิลด์

ผู้ตัดสิน โรเบิร์ต แม็ดลี่ย์

ถ่ายทอดสด CTH สเตเดี้ยม 2

 

สภาพทีมล่าสุด : ลิเวอร์พูล

     โอริกี จะผ่านความฟิตพร้อมลงเล่น ขณะที่ ตูเร่ ยังมีปัญหาตะคริว ส่วน สเคอร์เทล ก็ยังไม่ฟิต 100 เปอร์เซ็นต์เพราะยังมีปัญหาที่โคนขาหนีบเล็กน้อย ส่วนพวกที่พลาดแน่ๆ ได้แก่ ชาน, เฮนเดอร์สัน และ เบนเตเก้ ที่ยังต้องรักษาตัวต่อไป และอาจจะไม่ได้เล่นในฤดูกาลนี้อีกแล้ว ส่วนผู้เล่นหลักอย่าง คูตินโญ่, ลัลลาน่า, โอริกี รวมทั้งแผงหลังชุดใหญ่จะได้ลงทั้งหมด รวมทั้ง สเตอร์ริดจ์ และ ฟีร์เมียโน่

สภาพทีมล่าสุด : เอฟเวอร์ตัน

     ทางด้าน เอฟเวอร์ตัน 2 กองหลังอย่าง ฟีล จากีลก้า และ เชมัส โคลแมน จะพลาดเกมนี้ เนื่องจากปัญหาแฮมสตริง ส่วนพวกที่ยังต้องเช็กอาการได้แก่ เคลฟเวอรี่ย์, เบนส์ และ เลนน่อน ขณะที่ แม็คคาธี่ย์ จะพ้นโทษแบนช่วยในแดนกลาง โดย มาร์ติเนซ ยังต้องครุ่นคิดให้ดีในการจัดทีม เพราะมีเกม เอฟเอ คัพ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รออยู่ด้วย

คีย์แมน

ลิเวอร์พูล : โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่

     หลังจากเริ่มต้นครึ่งฤดูกาลแรกบนเกาะอังกฤษอย่างลำบากลำบน ไปๆ มาๆ ตอนนี้ ฟีร์เมียโน่ กลายมาเป็นตัวหลักที่ ลิเวอร์พูล จะขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว วัดได้ด้วยผลงานส่วนตัว ยิง 9 ประตูในลีก มากกว่าใครๆ ในทีมชุดนี้ และมีเพียง มิลเนอร์ คนเดียวที่ทำแอสซิสต์มากกว่าเขา ฟีร์เมียโน่ ทำผลงานได้ดีมากในระบบการเล่นเพรสซิ่งของ คล็อปป์ และเงิน 29 ล้านปอนด์ก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่าในการได้ตัวเขามา

เอฟเวอร์ตัน : โรเมลู ลูกากู

    ท่ามกลางฤดูกาลที่น่าผิดหวังของ เอฟเวอร์ตัน ในฤดูกาลนี้ ก็ยังเหลือแสงสว่างให้ได้เห็นหนึ่งเดียว นั่นก็คือ ลูกากู ดาวยิงเบลเยี่ยมซัดแหลกในลีก 17 ประตูชนิดไม่มีจุดโทษแม้แต่เม็ดเดียว โดยอยู่ในกลุ่มนำดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก ตามหลัง วาร์ดี้, เคน และ อเกวโร่ เท่านั้น นับตั้งแต่เขาซบทีมแบบถาวร ก็มีแต่ฝีเท้าจะพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นหาก เอฟเวอร์ตัน จะหวังชนะนัดนี้ พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาฟอร์มเก่งของ ลูกากู เท่านั้น

วาทะก่อนเกมของผู้จัดการทั้งสองทีม

เจอร์เก้น คล็อปป์ :

     "ผมเข้าใจถึงแนวทางของความก้าวร้าวรุนแรง และนั่นคือการเตรียมตัวที่จะทำร้ายหัวใจตัวคุณเอง ไม่ใช่ใครคนอื่น ฟุตบอลที่ดีที่สุดเปี่ยมไปด้วยอารมณ์, ความปรารถนา และความก้าวร้าวเสมอ แต่การรับมืออารมณ์และความกดดัน คือหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของฟุตบอลระดับท็อป"

โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ :

     "เรากำลังพยายามจะแข็งแกร่งอย่างที่เราสามารถจะเป็น ผมไม่คิดว่าคุณจะมาปิดๆ เปิดๆ ฟอร์มของคุณได้ คุณต้องโชว์ฟอร์มให้ดี ก่อนที่คุณจะไปเล่นเกมรองชนะเลิศ สร้างการแข่งขันโดยธรรมชาติในทุกๆ นัด เราจะได้สิ่งนั้นจากผู้เล่นที่จะกลับมาจากการติดโทษแบนและบาดเจ็บ"

ฟอร์มการเล่น

     เจ้าถิ่นหงส์แดง 5 เกมหลังสุดทุกรายการเล่นในบ้าน ชนะ 4, เสมอ 1 พร้อมการันตียิงได้ในน้อยกว่า 2 ประตู ขณะที่ ทีมเยือน เอฟเวอร์ตัน 5 เกมหลังสุด ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1 นับว่าฟอร์มใกล้เคียงไม่ห่างมากนัก

ประวัติการพบกัน

     สถิตินั้นทาง ลิเวอร์พูล แทบจะข่มมิด เอฟเวอร์ตัน ก็ว่าได้ เพราะ 10 ครั้งหลังสุดที่ดวลใน พรีเมียร์ ลีก เอฟเวอร์ตัน ไม่มีปัญญาชนะได้แม้แต่หนเดียว (เสมอ 7, แพ้ 3) และครั้งสุดท้ายที่ ลิเวอร์พูล แพ้ ต้องย้อนไปเมื่อ ตุลาคม 2010 ที่ กูดินสัน ปาร์ค

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

livlineup

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : ซิมง มิโญเล่ต์ - นาธาเนี่ยล ไคลน์, เดยัน ลอฟเรน, มามาดู ซาโก้, อัลแบร์โต้ โมเรโน่ - โจ อัลเลน, เจมส์ มิลเนอร์ - ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่, อดัม ลัลลาน่า - แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

evelineup

เอฟเวอร์ตัน (4-2-3-1) : โฆเอล โรเบลส - เบรนแดน กัลโลเวย์, จอห์น สโตนส์, รามิโร่ ฟูเนส โมรี่, ไบรอัน โอเบียโด้ - มูฮาเหม็ด เบซิช, เจมส์ แม็คคาธี่ - เควิน มิรัลลาส, รอสส์ บาร์คลี่ย์, เคราร์ด เดวโลเฟว - โรเมลู ลูกากู

ทรรศนะ Siamliverpool

     คู่นี้ตลอด 5-6 ปีหลังที่ผ่านมา เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ มักลงเอยด้วยรอยยิ้มของ ลิเวอร์พูล เสมอมา และคราวนี้ก็เป็นอีกครั้งเช่นกันที่ คลับหงส์แดง เป็นต่ออย่างมาก ทั้งไลน์อัพ 11 ตัวจริง และฟอร์มการเล่นที่กำลังได้ใจสุดๆ ผิดกับ เอฟเวอร์ตัน ที่แม้จะมีแรงจูงใจ อยากจะชนะ แต่ก็ส่ง 11 ตัวจริงชุดใหญ่ หรือคิดจะบุดเต็มสูบคงไม่ได้ ด้วยเป้าหมายสำคัญอย่างถ้วย เอฟเอ คัพ ที่จะต้องดวลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากนี้อีก มองรวมๆ แล้ว ถ้าคืนนี้ คล็อปป์ ใช้ทีมที่มีตัวหลักมากกว่าเด็กๆ ตัวสำรองลงสู้ คาดว่าจะชนะขาดลอยใสๆ เลยครับ

ฟันธง : ลิเวอร์พูล ชนะ 3-0

ADS