หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / ชัยชนะ 5 หนที่ "โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด" ในยุคพรีเมียร์ลีก

ชัยชนะ 5 หนที่ "โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด" ในยุคพรีเมียร์ลีก

ชัยชนะ 5 หนที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในยุคพรีเมียร์ลีก

          โหมโรงก่อนเกมแดงเดือดระหว่าง "หงส์แดง" กับ "ปีศาจแดง" จะเริ่มต้นขึ้นในคืนวันเสาร์ที่ 12 กันยายนที่กำลังจะถึงนี้ น่าจะเป็นเกมที่ดุเด็ดเผ็ดมันส์ทั้งในสนามและนอกสนามเหมือนเช่นเคย ทั้งแฟนบอลและโค้ช รวมไปถึงเหล่าบรรดานักเตะที่เตรียมพร้อมจะถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ ซึ่งใครก็ตามที่ได้ลงเตะในเกมแดงเดือดนี้ถือเป็นเกียรติแก่ชีวิตการค้าแข้งเลยก็ว่าได้ โดยวันนี้เราอาสาพาไปดูชัยชนะ 5 ครั้งในการบุกไปเยือนถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ตลอดยุคของ พรีเมียร์ลีก ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง หวังว่าจะปลุกใจก่อนถึงวันจริงได้ ^^

1. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 ลิเวอร์พูล (17/12/2000)

          ชัยชนะนัดแรกของ ลิเวอร์พูล ที่สามารถบุกไปยัดเยียดความปราชัยให้กับเจ้าบ้านได้ ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก อย่างแน่นอน ด้วยลูกฟรีคิกสุดเฉียบของ แดนนี่ เมอร์ฟี่ ซึ่งต่อเนื่องจากการทำแฮนด์บอลนอกกรอบบริเวณหัวกะโหลกของ แกรี่ เนวิลล์ และสิ่งที่น่าจดจำอีกอย่างของจังหวะนี้ก็คือลีลาการเซฟถลาลมของ ฟาเบียง บาร์กเตซ นั่นเอง (หลังแทบยอกเลยทีเดียว)...!

2. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 ลิเวอร์พูล (22/01/2002)

          ในฤดูกาลถัดมานั้นเอง "หงส์แดง" สามารถบุกเอาชนะ "ปีศาจแดง" ได้อีกครั้ง ด้วยประตูอันสุดสวยของ แดนนี่ เมอร์ฟี่ เจ้าเดิม จากการกระดกบอลตามน้ำข้ามศีรษะของ ฟาเบียง บาร์กเตซ นายด่านหัวใสคนเดิม ซึ่งรูปเกมในวันนั้นต้องบอกว่าแลกกันสนุกสูสี และเป็นทีมเยือนที่คมกว่าในจังหวะสุดท้ายเฉือนชนะไปได้นั่นเอง

3. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 ลิเวอร์พูล (24/04/2004)

          ต่อมาอีกสองฤดูกาลในซีซั่น 2003-2004 "เครื่องจักรสีแดง" ก็ยังบุกสร้างรอยแค้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 จาก 4 ครั้งหลังสุด จากลูกโทษที่จุดโทษของ แดนนี่ เมอร์ฟี่ อีกแล้วครับท่าน ซึ่งเป็นจังหวะต่อเนื่องจากการลากเลื้อยของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ทางกาบซ้าย ก่อนที่ แกรี่ เนวิลล์ เจ้าเก่าเข้าพรวดและทำให้ผู้ตัดสินชี้ให้เป็นลูกโทษในทันที และด้วยความเฉียบขาดของ "เจ้าปั๊ก" ซัดเต้มข้อ บอลพุ่งเสียบตาข่ายหมดสิทธิ์ที่ ทิม โฮเวิร์ด นายทวารที่รับช่วงต่อจาก ฟาเบียง บาร์กเตซ จะป้องกันได้

4. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-4 ลิเวอร์พูล (14/03/2009)

          สำหรับเกมนี้ถือเป็นแมตช์แห่งความทรงจำยุคใหม่ของเหล่าบรรดาแฟนบอลเลยก็ว่าได้ เพราะมีหลายสิ่งหลายหลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการตกเป็นรองก่อนจากจุดโทษของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในนาทีที่ 23 แต่หลังจากนั้นในนาทีที่ 28 เป็น เฟร์นันโด ตอร์เรส อาศัยความเร็วและความแข็งแกร่ง โฉบบอลตัดหน้า เนมันย่า วิดิช หลุดเข้าไปยิงผ่านมือของ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นายทวารจอบหนึบ

          จากนั้นก่อนหมดครึ่งแรก กลายเป็นทีมเยือน ลิเวอร์พูล ออกนำ 2-1 จากลูกโทษที่จุดโทษของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ทำเอาเสียงแฟนบอลใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถึงกับเงียบไปพักใหญ่เลยทีเดียว แต่แล้วกลับมาในช่วงครึ่งหลัง นาทีที่ 77 "หงส์แดง" มาได้ประตูหนีห่างเป็น 3-1 จากฟรีคิกสุดสวยของ ฟาบิโอ ออเรลิโอ แบ็คซ้ายชาวบราซิล ก่อนจะมาได้ประตูตอกฝาโลงในนาทีที่ 90 จากการยิงกระดกข้ามหัวของ อันเดรีย ดอสเซน่า ฟูลแบ็คที่ลงมาเป็นสำรอง และก็จบเกมไปด้วยสกอร์แห่งประวัติศาสตร์ 4-1

5. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-3 ลิเวอร์พูล (16/03/2014)

          ย้อนไปเมื่อสองฤดูกาลก่อนนี้เอง และดูเหมือนทุกคนยังจำได้ดี เพราะนี้เป็นหนึ่งในสองซีซั่นที่ ลิเวอร์พูล ใกล้เคียงกับการเป็นแชมป์มากที่สุด โดยเกมนี้ "หงส์แดง" ได้สามประตูจาก สองจุดโทษของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และอีกหนึ่งลูกของ หลุยส์ ซัวเรซ ซึ่งเกมนี้ทีมเยือนได้จุดโทษถึงสามครั้งและเกือบจะเป็นแฮตทริกประวัติศาสตร์ของ เจอร์ราร์ด จากสามจุดโทษ แต่น่าเสียดายที่เขาเลือกยิงไปอีกทางหนึ่งและบอลไปชนเสาเหลี่ยมนอกออกไป

          นอกจากสามจุดโทษที่ได้แล้ว ลิเวอร์พูล ยังน่าจะได้อีกหลายจุดโทษจากการทำฟาวล์ในกรอบ 18 หลาของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงหลายครั้งหลายคราว จนกระทั่งมาได้ประตูปิดกล่องของ "พี่เหยิน" ในนาทีที่ 84 พาทีมบุกถล่มยับ "ปีศาจแดง" แบบไม่ไว้หน้า โดยหลังจบเกมทางด้านของ มาร์ค คลัตเตนเบิร์ก ผู้ตัดสินที่หนึ่งในเกมนั้นถูกแฟนบอลเจ้าถิ่นรุมด่าอย่างหนักเกี่ยวกับสามจุดโทษและหนึ่งใบแดงของ เนมันย่า วิดิช

          ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีกในวันเสาร์นี้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีการบันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่กันอีกก็เป็นได้ อย่าลืมติดตามชมและเชียร์ได้ที่นี่ที่ สยามลิเวอร์พูล นะครับผม....สำหรับวันนี้ผมขอตัวลาไปก่อน สวัสดีครับ!! _/|\_

ADS