ความคิดเห็นหลังเกมโดยทีมงานสยามลิเวอร์พูล

ความคิดเห็นหลังเกมโดยทีมงานสยามลิเวอร์พูล

    ลิเวอร์พูลจำเป็นต้องชนะให้ได้เพื่อเกาะอันดับ 4 ต่อไป ก่อนเริ่มเกมผู้สันทัดกรณีต่างเชื่อว่าเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายครองบอลและบุกกดดันทีมเยือนตั้งแต่ต้นเกม แต่พอเกมการแข่งขันได้เริ่มขึ้นกลับเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สามารถเก็บบอลและคุมเกมได้ทั้งหมดจากกราฟฟิกที่แสดง แมนยู สามารถครองเหนือเจ้าถิ่นได้ถึง 72 ต่อ 68 เปอร์เซนต์

     เกมดำเนินมาเพียงแค่ 13 นาที ฆวน มาต้า สามารถยิงประตูดับซ่าส์เสียงเชียร์ได้สำเร็จ จากจังหวะวิ่งทะลุตัดหลัง โมเรโน่ เข้าไปยิงผ่านผู้รักษาประตูไปได้ แต่ใช่ว่าเจ้าถิ่นจะไม่มีโอกาสโดยเฉพาะในนาทีที่ 34 ลัลลานา ทำหมูหกพลาดโอกาสทำประตูตีเสมออย่างหน้าเสียดายจากจังหวะโต้กลับของ สเตอร์ริดจ์ ที่ผ่านบอลเข้ากลางประตู แต่อดีตกัปตันทีมดันยิงไม่ตรงกรอบอย่างหน้าตาเฉย ส่งผลให้ทีมเยือนคุมความได้เปรียบในครึ่งแรก

     เริ่มเกมในครึ่งหลังทาง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ตัดสินใจแก้เกม โดยการส่งกัปตันทีมตัวจริงอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ลงมาแทน ลัลลานา ตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง เรียกเสียงกองเชียร์ "เดอะ ค็อป" ได้พอสมควร อีกทั้งยังเรียกศรัทธาที่จะพลิกสถานการณ์กลับคืนมาได้ แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อ เจอร์ราร์ด ที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงมาโดนใบแดงไปแบบสุดช็อคจากจังหวะย่ำ เอร์ราร่า ทำให้การกลับมาเป็นเรื่องยากเพิ่มขึ้นทวีคูณ

     ถึงแม้ สเตอร์ริดจ์ จะปลุกความหวังของเดอะค็อปอีกครั้งจากการยิงมุมแคบด้วยเท้าขวา ไล่ขึ้นมาเป็น 1-2 แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนเป็น 1 แต้มได้ในค่ำคืนนี้ จบเกมทางฝั่งเจ้าถิ่นกลับต้องไปฝ่ายผิดหวังและมีแต้มตามรั้ง ยูไนเต็ด ถึง 5 แต้ม ส่งผลให้นัดต่อไป ลิเวอร์พูล ต้องไปบุกไปชนะ อาร์เซนอล ให้ได้เพียงสถานเดียวเท่านั้นหากยังหวังจะลุ้นตำแหน่งท็อปโฟร์กันต่อ

     ผู้เล่นที่ถือเป็นจุดบอดในเกมนี้คงหนีไม่พ้น โมเรโน่ ที่มีส่วนสำคัญให้ทีมต้องเสียถึงสองประตู เพราะหน้าที่หลักในเกมนี้คือการตามประกบ ฆวน มาต้า รุ่นพี่ร่วมชาติที่สามารถวิ่งฉีกหนีตัวประกบไปได้ถึง 2 ครั้งและเป็น 2 ตัว ที่ดับฝันอย่างแท้จริงในเกมนี้ ผลพวงจากฟอร์มในค่ำคืนนี้น่าจะทำให้ ร็อดเจอร์ส มองเห็นจุดอ่อนของทีมได้ชัดขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการเรียกศรัทธาของทีมให้กลับมาโดยเร็วอีกครั้งให้ได้ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ทีมพยายามสร้างขึ้นมานับตั้งแต่ช่วงต้นปีดูจะไร้ความหมาย