หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / 5 สิ่งที่เกิดขึ้นหลังเกม ลิเวอร์พูล บุกเชือด โบลตัน 2-1

5 สิ่งที่เกิดขึ้นหลังเกม ลิเวอร์พูล บุกเชือด โบลตัน 2-1

5 สิ่งที่เกิดขึ้นหลังเกม ลิเวอร์พูล บุกเชือด โบลตัน 2-1

       หลาย ๆ ท่านคงจะทราบกันดีนะครับว่าทาง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เราสามารถผ่านทะลุเข้าไปถึง เอฟเอ คัพ รอบ 5 และคนที่จะไม่พูดถึงเป็นไปไม่ได้นอกจาก พ่อมดน้อย คูตินโญ่ ของเรานี่เอง นอกจากนี่ยังมีหลายอย่างที่น่าสนใจในเกมค่ำคืนที่ผ่านมา 5 สิ่งที่น่าสนใจมีอะไรบ้างลองติดตามกันได้ครับ...


คูตินโญ่ เริ่มฉายแสงความเป็นยอดดาวดังให้โลกได้เห็น

     นับตั้งแต่ตบเท้าเข้าสู่ถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อปี 2013 ระยะเวลาเพียงไม่นานที่ได้ลงเล่น เจ้าตัวกลับได้รับการยกย่องถึงความเป็นนักสร้างสรรค์อันเลื่องลือไปทั่วยุโรป แต่สิ่งที่เขาแสดงออกมาในเกม โบลตัน คือสิ่งที่ตอบได้ชัดเจนว่าเขากำลังจะก้าวไปอีกขั้นแล้ว ด้วยวัยเพียง 22 ปี เขามีโอกาสพัฒนาไปเป็นยอดแข้งคนสำคัญของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ในอนาคตแน่นอน

นีล เลนน่อน แสดงความอัจฉริยะในการแก้เกม

     เกมนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่ นีล เลนน่อน แสดงกลยุทธ์ออกมาได้เป็นอย่างดี และพวกเขาก็เกือบทำสำเร็จก่อนจะถูก พลพรรค "หงส์แดง" เบียดคว้าชัยได้ในช่วงท้ายเกม พวกเขาได้จุดโทษจาก ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น และเกือบจะคว้าชัยได้สำเร็จ แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือถ้าพวกเขามีผู้เล่นในสนามเท่ากัน ผลการแข่งขันอาจเป็นอีกรูปแบบนึงเลยก็ได้

เจอร์ราร์ดเล่น 700 นัดให้กับลิเวอร์พูล

     เกมนี้ถือเป็นเกมแห่งประวัติศาสตร์ของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เลยก็ว่าได้ แต่ดูเหมือนซีซั่นนี้ทาง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จะไม่พยายามใช้กัปตันวัย 34 ปี อยู่ในสนามจนเต็มเกมเหมือนเช่นทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะไม่เจ็บและพลาดโอกาสได้ลงเล่นท่ามกลาง "เดอะ ค็อป" เป็นครั้งสุดท้าย

Steven Gerrard of Liverpool and Josh Vela

ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น ยังคงความนิ่งดุจภูเขาน้ำแข็ง

     ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น เคยประเดิมในเกมพรีเมียร์ลีกครั้งเมื่อเดือน ตุลาคม ปี 2000 ด้วยวัย 22 ปี และคู่แข่งในเกมนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล นั่นเอง เกมนี้พวกเขาได้กลับมาเจออีกครั้ง และเขายังคงแสดงความเจ๋งแม้วัยจะร่วงเลยมาถึง 36 ปีแล้วก็ตาม แถมเกมนี้เขายังสามารถพังประตูคู่แข่งได้อีกด้วย

Eidur Gudjohnsen of Bolton Wanderers scores the opening goal from the penalty spot

อาร์เซนอลคือทีมที่น่ากลัวในรายการนี้

     เอฟเอ คัพ รอบสี่ เป็นรอบที่บรรดายักษ์ใหญ่ต่างตกรอบกันอย่างน่าแปลกใจ โดยเฉพาะตัวเต็งอย่าง แมนเชสเตอร์ซิตี้ และ เชลซี ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เหลือทีมยักษ์ใหญ่ที่คาดหมายจะมีสิทธิ์คว้าถ้วยนี้ไปครองแค่ อาร์เซนอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล เท่านั้น แต่เมื่อดูจากความง่ายในรอบต่อไป ลูกทีมของ เวงเกอร์ ดูมีภาษีดีกว่า 2 ทีมดังอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ไม่น้อย

Arsene Wenger

ADS