หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / สตีเว่น เจอร์ราร์ด กับ 11 ปีอันทรงคุณค่าในฐานะยอดกัปตัน

สตีเว่น เจอร์ราร์ด กับ 11 ปีอันทรงคุณค่าในฐานะยอดกัปตัน

earthmomo 2014-10-16 17:03:32 ลิเวอร์พูล
สตีเว่น เจอร์ราร์ด กับ 11 ปีอันทรงคุณค่าในฐานะยอดกัปตัน

     เชราร์ อุลลิเย่ร์ อดีตผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ได้หยิบยื่นโอกาสให้นักเตะดาวรุ่งคนหนึ่งได้เป็นกัปตันทีม เมื่อเดือน ตุลาคม ปี 2003 และผลที่ตามมานั้นเป็นสิ่งใครยากจะเชื่อได้

     ความแข็งแกร่งผนวกกับเท้าขวาอันแสนรุนแรง การรับบทกัปตันให้ทีมโปรดวัยเด็ก มันทำให้งานของเขาดูง่ายไปเลย สิ่งที่เขารับมันได้เปลี่ยนชีวิตจากดาวรุ่งอนาคตไกลให้เป็นสัญลักษณ์ของสโมสรอย่างที่ทุกคนได้เห็นกัน

     สตีเว่น เจอร์ราร์ด ได้รับตำแหน่งผู้นำของทีม เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ปี 2003 ในศึกยูฟ่า คัพ กับ โอลิมเปีย ลุบยาน่า เขาได้ถ่ายทอดความรู้สึกของวันนั้นให้ได้ฟังว่า

     "ผมเคยเป็นกัปตันทีมฟุตบอลโรงเรียน แถมยังเคยไปชมเกมที่สนามแอนฟิลด์ เพื่อดู จอห์น บาร์นส์ ซึ่งเป็นกัปตันในสมัยนั้น และผมใฝ่ฝันเอาไว้ว่า สักวันหนึ่งผมจะเป็นกัปตันให้สโมสรอันเป็นที่รักทีมนี้ให้ได้"  

     เวลาผ่านมาแล้ว 11 ปีในฐานะกัปตันทีม เจ้าตัวได้เผยถึงความสุขในช่วงเวลาที่ผ่านมาลงในอินสตาแกรมส่วนตัวดังนี้

     "11 ปีที่ล่วงมาจวบจนถึงวันนี้ ผมได้กลายเป็นกัปตันทีมของทีมที่ผมรักในวัยเด็กแล้ว มันเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่แสนจะภาคภูมิใจอย่างที่สุดในชีวิตของผม ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งกับตำแหน่งกัปตันทีมของสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้"

 

     เพื่อเป็นการร่วมฉลองกับความทรงจำที่แสนวิเศษถึง 11 ปี ของยอดนักเตะผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ เราจะพาทุกท่านไปดูเหตุการณ์อันแสนเหลือเชื่อของเขากัน!! 

ลูกยิงปาฏิหาริย์ดับซ่าโอลิมเปียกอส

     "You beauty" เสียงตะโกนอันสั่นสะท้านของ แอนดี้ เกรย์ นักพากษ์ในเกมที่ ลิเวอร์พูล เปิดแอนฟิลด์เพื่อชี้ชะตาในรอบแบ่งกลุ่มแชมป์เปี้ยนส์ ลีก ปี 2005 กับ โอลิมเปียกอส และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด วิ่งมาตะบันลูกยิงไกลเข้าไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ผลิกชะตาให้ ลิเวอร์พูล เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในปีนั้นราวกับปาฏิหาริย์

 

 


คำคืนสุดเหลือเชื่อที่ อิสตันบูล

     สตีเว่น เจอร์ราร์ด ได้เข้าไปอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน และยากที่จะลืมเลือนได้ มันเป็นการโหม่งทำประตูที่จุดประกายความหวัง หลังถูก มิลาน ออกนำไปก่อนในครึ่งแรก 3-0 และยิ่งเขาได้ยกกระพือแขนเพื่อกระตุ้นให้สาวก "เดอะ ค็อป" ให้ตื่นจากภวังค์อีกทั้งยังเป็นการส่งสาส์นให้ทุกคนได้รับรู้ว่า เราต้องกลับมาและเราต้องทำได้

 


การต่อสู้กับความกดดันกับเชลซี

     ในฐานะผู้นำของทีมเขายิ่งต้องเปล่งมันออกมาอีกครั้ง ในเกมนัดสุดท้ายของ แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ ปี 2007 พวกเขาต้องเผชิญกับคู่ปรับขาประจำในเวที ยุโรป อย่าง เชลซี ในเกมนี้เขาต้องเจอทุกอารมณ์และแรงกดดันที่โหมกระหน่ำเข้ามาไม่ขาดสายในตลอดทั้งเกม เวลาได้ล่วงเลยมาถึงช่วงดวลจุดโทษเพื่อชี้เป็นชี้ตายและสุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็ผ่านความกดดันนี้ได้สำเร็จ

 


ผลิกนรกกลับมาชนะ ปีศาจแดง ได้สุดประทับใจ

     ในซีซั่น 2008/09 ถึงแม้ ลิเวอร์พูล จะต้องผิดหวังที่ไม่สามารถคว้า แชมป์พรีเมียร์ลีก มาครอบครองได้ แต่ฤดูกาลนั้นปฤิเสธไม่ได้เลยว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด คือหนึ่งในนักเตะที่โดดเด่นที่สุดแห่งยุคเช่นเดียวกับ เฟร์นานโด ตอร์เรส และเกมการแข่งขันที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทางเจ้าถิ่นก็ออกนำไปก่อนจากการทำประตูของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จากจังหวะจุดโทษ ก่อนจะมาได้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ตามตีเสมอ แต่ไฮไลท์สำคัญของกัปตันก็คือสามารถเรียกจุดโทษจาก ปาทริซ เอวร่า และยิ่งจุดโทษพาทีมขึ้นนำได้ หลังจบ ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายบุกชนะคู่รักคู่แค้นได้ 4-1

 

ADS