หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / ความเห็นหลังเกม ลิเวอร์พูล 1-1 เอฟเวอร์ตัน โดยทีมงาน สยามลิเวอร์พูล

ความเห็นหลังเกม ลิเวอร์พูล 1-1 เอฟเวอร์ตัน โดยทีมงาน สยามลิเวอร์พูล

ความเห็นหลังเกม ลิเวอร์พูล 1-1 เอฟเวอร์ตัน โดยทีมงาน สยามลิเวอร์พูล

     เริ่มเกมด้วยลางไม่ค่อยดี เมื่อเกิดปัญหาทั้ง แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ดาวยิงจอมเซิ้ง ที่ไม่ผ่านความฟิตลงสนาม รวมถึง มามาดู ซาโก้ กองหลังชาวฝรั่งเศส ที่เกิดอาการงอนเผ่นหนีออกจากสนาม หลังรู้ว่าไม่ได้มีชื่อแม้กระทั่งสำรองในเกมนี้ ท่านที่ไม่ได้ดูเกมนี้อาจจะโวยวายนะครับ ว่า เอ๊ะ ทีมห่วยอีกแล้ว

     วันนี้ ลิเวอร์พูล ของเรา เล่นไม่ได้แย่เลย รูปเกมทำได้ดีกว่าพอสมควร โดยเฉพาะในแง่ของจังหวะการทำประตู มีมากกว่า เอฟเวอร์ตัน ถึง 15 ครั้ง รวมทั้งเตะมุม อีก 8 ครั้ง ลิเวอร์พูล เล่นได้วูบวาบกว่ามากในการเซตเกมรุก ด้วยเพราะทีมเยือน ก็วางแผนมาตั้งรับ แล้วคอยโต้กลับเป็นระยะ โดยหวังใช้ ความเร็วของ เควิน มิรัลลาส ปีกเบลเยี่ยม เล่นงานหงส์แดง แต่ก็ดันมาเจ็บจากอาการกล้ามเนื้อกระตุก จนต้องถอดออก

 

     ส่วนเจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล วันนี้คนทื่โดดเด่น ก็ยังเป็นคนเดิม คือ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกหัวหยอย ที่จัดจ้านอยู่คนเดียว ส่วนที่เด่นไม่แพ้กัน คือ อดัม ลัลลาน่า กลางตัวคลาสสิก ที่คุมเกมได้สวยในแดนกลาง ส่วน มาริโอ บาโลเตลลี่ ก็มีโอกาสง้างหลายที รวมถึงโอกาสยิงฝังเป็น 2-0 แต่ก็ดันไปชนคานเสียนั่น แต่กระนั้นสิ่งที่ยังแย่ในตัวโอ้ คือ จังหวะในเกมยังช้ามากในหลายครั้ง จนโดนกองหลังเอฟเวอร์ตัน แซะมั่ง ฟาลว์มั่ง จนไปไม่รอดโดนเตะอีกหลายที

     ส่วนอีกคนคือ ลาซาร์ มาร์โควิช ปีกผมยาว ที่เราชักไม่แน่ใจว่าหมอนี่มันของปลอมทำเหมือนรึเปล่า ทำไมไม่เห็นวูบวาบเหมือนในคลิป ฮ่าๆๆๆๆๆ ตำแหน่งยืนหมอนี่มันคือปีก แต่ดันไปซ้อนหลังโอ้ และอยู่ระนาบเดียวกับ ลัลลาน่า หลายหน จนทำให้คนออกบอล กลายเป็นจอร์แดน เฮนเดอร์สัน อยู่หลายที ทั้งที่ควรเป็นหน้าที่ของ มาร์โควิช มากกว่า เกมเลยเป็นฝั่งซ้ายของ สเตอร์ลิ่ง ที่เป็นรูปธรรมมากกว่า

     ด้านเอฟเวอร์ตัน ทีมเยือน วันนี้ไม่ได้เล่นดีเด่อะไรเลย แต่กระนั้น แผงแบ็คโฟร์ของพวกเขาเล่นได้รัดกุม เลห์ตัน เบนส์ และ โทนี่ ฮิบเบิร์ต สองฟูลแบ็ค แทบไม่ขึ้นเกมสูงเลย เพราะกลัวโดนโต้กลับเร็ว รวมทั้งยังเล่นเกมหนักมากๆ ใส่ ลิเวอร์พูล ร่วมกับ ฮาร์ดแมนของทีม อย่าง แกเร็ธ แบร์รี่ และ เจมส์ แม็คคาร์ทธี่ย์ ที่ตัดเกมเป็นระยะๆ ด้วยลูกโหดทั้งเกม

     จนกระทั่งหงส์แดง มาขึ้นนำ จากจังหวะได้ลูกฟรีคิกที่เป็นใจ ซึ่งนานๆ ทีจะได้เห็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด ยิงเข้าไป แบบไม่ได้ทิศทางดีอะไรมากมาย แต่ ทิม ฮาวเวิร์ด ยืนตำแหน่งผิดพลาด ไปอยู่กลางประตูมากไป กว่าจะพุ่งมาปัดก็ไม่ทันเสียแล้ว ในนาทีที่ 65 เรียกว่ายังมีเวลาเหลือเฟือร่วมครึ่งชั่วโมง ที่จะทำประตูย้ำชัย

     แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสชัดแจ้งนัก การประสานงานที่ยังไม่ค่อยดี โดยเฉพาะ บาโลเตลลี่ ตามที่บอกไปในตอนแรก และการส่ง คูตินโญ่ ลงมาแทน มาร์โควิช ก็ถือว่า ช่วยคุมเกมได้ดีพอใช้ แต่เราก็ดันมาพลาดในนาทีสุดท้าย แบบไม่น่าเสีย เมื่อ แม็คเกียดี้ ปีกไอร์แลนด์ที่ลงมาแทน มิรัลลาส เลี้ยงเข้าเขตโทษ แล้วโยนมาให้ เดยัน ลอฟเรน สกัดเด้งออกมาให้ ฟิล จากีลก้า วิ่งมากดเต็มข้อติดไซด์ก้อย ชนิดว่า ยิงอีก 10 รอบ ก็ไม่น่าทำได้แบบนี้

     ซึ่งลูกนี้ไม่มีใครต้องเป็นแพะแต่อย่างใด ไม่ว่า ลอฟเรน หรือ ซิมง มิโญเลต์ เพราะมันซวยจริงๆ พับผ่า ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษตัวเองที่ทำไมไม่หาทางยิงเม็ดที่ 2 เพื่อปิดเกม รวมทั้งอาจพูดได้ว่า เกิดจากเสียสมาธิในเกมรับ จากจังหวะตีเสมอ 1-1 ที่ไม่พยายามคุมเกมเพื่อรักษาสกอร์ให้อยู่หมัด จนพลาด 3 แต้ม ที่ควรจะต้องได้จากภาพรวมของเกมที่ดีกว่าอยู่แล้วเชียว

     สัญญานในแง่บวก ยังคงไม่ปรากฎสักเท่าไร หากมองรูปเกมในเกมนี้ เพราะแม้จะเหนือกว่าคู่แข่ง แต่ว่าตรงๆ การประสานงานในเกมรุก ยังถือว่าแย่กว่าปีก่อนมาก การขาดแดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ มีผลมากจริงๆ ในการหาช่องยิงประตู เพราะ บาโลเตลลี่ ไม่ได้พยายามปรับตัวเข้าหาทีมเท่าไรเลย ยังติดนิสัยลองส่องไกลเรื่อยเปื่อย แบบนี้เห็นทีลำบากครับ

     ในเกมถัดไปที่จะต้องไปเยือน เอฟซี บาเซิล ในวันพุธนี้ บอกได้เลยว่าหนัก บาเซิล ทีมนี้ ทีมที่เคยคว่ำ เชลซี แบบไปกลับมาแล้วเมื่อปีก่อน แต่ยังไงความรักที่มีให้ ลิเวอร์พูล ยังคงมีอยู่สำหรับสาวกพลพรรคเดอะ ค็อป สักวันต้องเป็นพวกเราที่ได้เฮบ้างครับ ทุกๆคน

ADS