5 เหตุผลที่ลิเวอร์พูลไม่ควรหวังสูงในเวทียุโรป

     ''หงส์แดง'' ลิเวอร์พูล ตีตั๋วผ่านเข้าไปเล่นในศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งมันเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา หลังจากฤดูการที่แล้วพวกเราสามารถคว้าอันดับ 2 ของตารางพรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จ ถึงแม้ความเป็นจริงแล้วเราน่าจะเป็นแชมป์ลีกเลยด้วยซ้ำถ้าไม่มาผิดพลาดกันเองในช่วงท้ายของฤดูกาล พวกเรามีประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกอยู่ในเวทียุโรปโดยมันเกิดขึ้นเมื่อปี 2005 ซึ่งในฤดูกาลนี้เราเหลือกำลังหลักจากชุดที่คว้าแชมป์ในปีนั้นอยู่แค่คนเดียว แต่ก็เป็นคนที่สำคัญที่สุดอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด 

     เกมที่เกิดขึ้นในปีนั้นมันเป็เกมที่สุดแสนจะคลาสสิคในสายตาของคนทั่วโลก หลังจากที่พวกเราต้องตกเป็นรองยอดทีมจากอิตาลีอย่าง เอซี มิลาน ในครึ่งแรกถึง 3-0 

     แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในปีนี้มันเป็นเรื่องที่ยากมากๆหากพวกเราต้องไปเจอกับยอดทีมจากสเปนอย่าง เรอัล มาดริด หรือ บาร์เซโลน่า ประสบการณ์นักเตะของพวกเราในตอนนี้เทียบชั้นกับ 2 ทีมยักษ์ใหญ่จากสเปนไม่ได้เลย มันเป็นเรื่องยากมากที่เราจะต่อกรกับพวกเขาให้ออกมาอย่างสนุกสูสีเหมือนอดีตที่ผ่านมา

     ในความคิดของผมตอนนี้ ลิเวอร์พูลไม่สามารถที่จะต่อกรกับยอดทีมระดับโลกในเวทียุโรปได้เลย และต่อไปนี้นี่คือ ''5 เหตุผลว่าทำไมผมจึงคิดเช่นนั้น''

1. เราไม่ใช่ทีมวาง
     ทางยูฟ่ามีระบบการจับฉลากในรอบแบ่งกลุ่มคือแบ่งแต่ละทีมออกมาเป็นโถๆแล้วจับฉลาก แต่ละโถนั้นจะมีคะแนนอันดับยูฟ่าแรงกิ้งที่ต่างกันออกไป โดยจะแบ่งเป็นโถทีมวางและโถที่ไม่ใช่ทีมวาง หลังจากที่ ''หงส์แดง'' ลิเวอร์พูล ไม่ได้ผ่านเข้ามาเล่นในศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกมาเป็นเวลาหลายปี ทำให้พวกเราถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 45 ของยูฟ่าแรงกิ้ง ซึ่งมันหมายความว่าเราจะต้องไปอยู่ในโถที่เป็นระดับต่ำสุดและจะต้องโดนจับไปเจอกับยอดทีมใหญ่ๆทั้งหลายในยุโรป มันจะทำให้พวกเราต้องพบกับความยากลำบากตั้งแต่ต้น เราอาจจะออกมาอยู่ในกลุ่มไหนก็ได้แต่มันก็จะมีอย่างน้อยสองทีมที่เป็นทีมที่มีอันดับยูฟ่าแรงกิ้งที่สูงกว่าเราและแน่นอนพวกเขาจะต้องเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม ซึ่งมันจะกลายเป็นงานที่หนักอึ้งสำหรับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่จะต้องมาเจอของแข็งๆตั้งแต่ต้นแบบนี้

2. ทีมชุดนี้ยังอ่อนประสบการณ์
     ลิเวอร์พูลชุดนี้ส่วนใหญ่มักจะเน้นดาวรุ่งเป็นหลัก แน่นอนพวกเขามีทั้งพละกำลังและความแข็งแกร่ง แต่สิ่งที่ขาดหายไปนั่นก็คือประสบการณ์ นักเตะหลายคนในทีมขาดประสบการณ์ในเวทียุโรปและเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับนักเตะทีมอื่นๆแล้ว ยังไงเราก็ดูเป็นรอง ฟุตบอลในสไตล์ยุโรปมีความแตกต่างจากสไตล์ฟุตบอลของอังกฤษอย่างสิ้นเชิงมันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมประสบการณ์ถึงเป็นสิ่งสำคัญ เรามีนักเตะเพียงไม่กี่คนที่ผ่านการเล่นในระดับทีมชาติมา นักเตะเหล่านั้นอาจจะช่วยเราได้อยู่บ้างเล็กน้อย พวกเขาอาจจะต้องแบกรับความกดดันอย่างหนักซึ่งถ้าพวกเขาแบกรับความกดดันนี้ไม่ไหวมันก็อาจจะส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นในสนามของพวกเขาเองด้วย เฉกเช่นที่เราได้เห็นทีมชาติอังกฤษในศึกเวิลด์ คัพ 2014 ที่ประเทศบราซิล พวกเขาล้มเหลวอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเก็บได้เพียงแต้มเดียว โดยนักเตะลิเวอร์พูลติดอยู่ในทีมชาติชุดนั้นเกือบครึ่งทีม

3. จำนวนแมตช์ที่มากขึ้น
     หนึ่งสิ่งที่ทำให้พวกเราโชว์ฟอร์มในฤดูกาลที่แล้วได้อย่างยอดเยี่ยมนั่นก็เพราะเราสามารถทุ่มเทแรงกายทั้งหมดลงไปในลีกได้แบบสบายๆเพราะเราไม่มีอะไรที่จะต้องมาห่วงหน้าพะวงหลัง แต่ในฤดูกาลนี้มันจะไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้วเรามีเกมยุโรปที่เพิ่มเข้ามาซึ่งมันจะทำให้เรามีแมตช์การแข่งขันที่มากขึ้นตามไปด้วย ความสมบูรณ์ทางด้านรางกายของนักเตะเราเป็นสิ่งสำคัญโดยมันจะมีความหมายกับฤดูกาลนี้เป็นอย่างมาก เพราะเราต้องเน้นเรื่องพละกำลังให้ฟิตไปตลอดทั้งฤดูกาล เพื่อไม่ให้มันเกิดเรื่องที่ซ้ำสองเหมือนฤดูกาลที่แล้วที่ฟอร์มเรามาแผ่วลงไปในช่วงท้ายซีซั่น งานหนักไปตกอยู่ที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่จะต้องตัดสินใจว่าจะจัดลำดับความสำคัญอย่างไร จะเน้นไปที่ยุโรปมากกว่าหรือจะเน้นในพรีเมียร์ลีก ซึ่งแน่นอนเราอาจจะต้องยอมเสียสละในบางอย่างเพื่อสิ่งที่ดีที่สุด

4. ทีมชุดนี้ไม่แข็งแกร่งเหมือนปีที่แล้ว
     ลิเวอร์พูลต้องเสียศูนย์หน้าตัวหลักของทีมอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ ไป ซึ่งฤดูกาลที่แล้วเขาคนนี้ช่วยเราได้อย่างมากในการเก็บชัยชนะในนัดสำคัญต่างๆ จนทำให้ ''หงส์แดง'' สามารถขึ้นไปเบียดลุ้นแชมป์กับยอดทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ แต่ท้ายที่สุดพวกเราก็ต้องหยุดอยู่แค่รองจ่าฝูง ฤดูกาลนี้พวกเราดึงนักเตะจาก เซาแธมป์ตัน อย่าง แลมเบิร์ต , ลัลลาน่า , ลอฟเรน และอีกหนึ่งนักเตะจากเบนฟิก้าอย่าง มาร์โควิช ซึ่งทั้งหมดนี้ยังไม่มีใครที่ดูพอจะมีแววเป็นดาวดวงใหม่แทน ซัวเรซ ที่เราต้องเสียไปได้เลย ทั้งๆที่ฤดูกาลนี้เราจะต้องเจอแมตช์สำคัญหรือแมตช์ใหญ่ๆมากกว่าฤดูกาลที่แล้วซะด้วยซ้ำ สำหรับผมเองแล้วผมไม่เชื่อเลยว่าสเตอร์ริดจะทดแทนการขาดหายไปของ หลุยส์ ซัวเรซ ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่สามารถพาเราเข้ามาเล่นในศึกยูฟ่าแชม์เปี้ยนส์ลีกได้

5. เกมรับที่อ่อนยวบ
     จุดที่ดูน่าเป็นห่วงที่สุดสำหรับ ''หงส์แดง'' ในชุดนี้นั่นก็คงหนีไม่พ้นเกมรับ ซึ่งมันจะเป็นจุดสำคัญที่ส่งผลต่อการเข้ารอบหรือตกรอบในเกมยุโรปของเราเลยทีเดียว พวกเราอาจจะต้องเจอกับ บาร์เซโลน่า ที่มีเกมรุก ทั้ง ซัวเรซ เนย์มาร์และเมสซี่ หรือไม่ ก็ต้องพบกับ แข้งราชัน อย่าง โรนัลโด้ เบล และเบนเซม่า ซึ่งมองแล้วเกบรับเราต้องเจองานที่หนักอึ้งแบบสุดๆอย่างแน่นอน เกมรับในฟุตบอลสมัยนี้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ตัวอย่างที่มีให้เห็นกันอย่างชัดๆเลยก็มาจากเชลซีลูกทีมของมูรินโญ่นั่นเอง ที่สามารถใช้เกมรับที่ยอดเยี่ยมจนสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ในปี 2012 เราจึงจำเป็นต้องเน้นเรื่องเกมรับเป็นพิเศษในเวทียุโรป

     สุดท้ายนี้ผมหวังว่าลิเวอร์พูลจะสามารถกลับไปยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งในเวทียุโรป แต่ผมคิดว่ามันคงจะไม่ใช่ภายในปีนี้อย่างแน่นอนมันคงต้องใช้เวลาอีกสักพักหลังจากที่เราเพิ่งกลับมายืนอยู่ ณ จุดๆนี้ได้ ผมหวังแค่เพียงปีนี้ให้เราสามารถเอาตัวรอดผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปให้ได้มันก็คงเป็นความสุขที่ไม่รู้จะอธิบายออกมาเช่นไรแล้วล่ะครับ