กี่คะแนนดี? กับห้าแข้ง "หงส์" แดนผู้ดีในศึกยูโร 2016 คืนนี้

          อย่างที่ทราบกันดีว่า ลิเวอร์พูล เป็นหนึ่งในสโมสรที่มีผู้เล่นอังกฤษติดทีมชาติมากที่สุดเท่ากับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ทั้งหมด 5 ราย ในขณะที่ทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ กลับถูกเรียกเพียงแค่ 1 คนเท่านั้น จนได้รับขนานนามว่า "ทีมชาติลิเวอร์พูล" ไปแล้วด้วยซ้ำ ^^ โดยวันนี้เราจะไปเกาะติดฟอร์มการเล่นของทั้ง 5 คน ว่ามีอะไรน่าสนใจกันบ้าง ไปดูเลยยย....

นาธานเนี่ยล ไคลน์ (ลงสนามในนามทีมชาติ 12 นัด)

          สำหรับแบ็คขวาผิวสีรายนี้ ยังต้องรอคอยโอกาสบนม้านั่งสำรองไปก่อน เพราะทางด้านของ ไคลน์ วอลเกอร์ ของ "ไก่เดือยทอง" ยังคงได้รับความไว้วางใจจากกุนซือ รอย ฮ็อดจ์สัน อยู่นั่นเอง บอกได้คำเดียวว่างานนี้หากแบ็กขวาสเปอร์สไม่เจ็บหรือถูกพัก คงหมดสิทธิ์เบียดลงสนามแน่นอน

เจมส์ มิลเนอร์ (ลงสนามในนามทีมชาติ 61 นัด / ยิง 1 ประตู)

          มิดฟิลด์จอมวิ่งวัย 30 ปี ได้รับโอกาสลงสนามเพียง 3 นาที (ไม่รวมช่วงทดเวลาบาดเจ็บ) ในตำแหน่งปีกซ้าย ซึ่งผลงานในเกมนั้นก็แทบจะไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน อย่างไรก็ดีในเกมที่สามกับ สโลวาเกีย คาดว่าเขาน่าจะได้รับโอกาสลงสนามมากกว่านี้ก็เป็นได้ เพราะทางด้าน ฮ็อดจ์สัน น่าจะพักตัวหลักหลายราย และเชื่อว่าความเก๋าของ มิลเนอร์ คงให้อะไรกับทีมได้เยอะ

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ลงสนามในนามทีมชาติ 26 นัด)

          หลังจากที่สลัดเดี้ยงกลับมาลงสนามให้กับ ลิเวอร์พูล ในช่วงโค้งสุดท้ายของพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2015/16 ก็ทำให้เขาได้รับโอกาสติดทีมไปลุยศึก ยูโร 2016 เช่นเดียวกัน แม้ว่าความฟิตของ "เฮนโด้" จะยังไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เชื่อว่าในเกมที่ต้องการมิดฟิลด์ตัวไล่บอล, ตัดเกมและเน้นขยัน คงต้องมองมาที่เขาเป็นอันดับแรกแน่นอน

อดัม ลัลลานา (ลงสนามในนามทีมชาติ 25 นัด)

          ลัลลานา อีกหนึ่งนักเตะที่ยังไม่สามารถทำประตูให้กับทัพ "สิงโตคำราม" ได้เลย แต่กลับได้รับโอกาสลงสนามต่อเนื่องราวกับลูกรัก ซึ่งทั้งสองเกมที่ลงเตะนั้น ยังคงมาตรฐานจอมม้วนให้เห็นเหมือนเช่นเคย อย่างไรก็ดีเขาก็มีจุดเด่นในเรื่องการไปกับบอลและความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเกมแรกที่พบกับ รัสเซีย นั้น เขามีโอกาสทำประตูอยู่กลายต่อหลายครั้ง รวมทั้งมีส่วนร่วมกับเกมรุกแทบจะทุกครั้งเลยก็ว่าได้

แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ (ลงสนามในนามทีมชาติ 19 นัด / ยิง 6 ประตู)

          "เต้ยโศก" ลงสนามในเกมล่าสุดที่ อังกฤษ พลิกแซง เวลส์ 2-1 และเขาก็เป็นซูเปอร์ซับซัดประตูชัยในนาทีที่ 90+1 อีกด้วย แน่นอนว่า สเตอร์ริดจ์ นั่นมีชื่อเป็นเพียงแค่ศูนย์หน้าอันดับ 3 รองจาก แฮร์รี่ เคน กับ เจมี่ วาร์ดี้ แต่ประตูที่ยิงได้นั่นอาจทำให้ "ปู่รอย" ต้องคิดทบทวนดูว่า ใครควรจะเป็นเบอร์ 1-2-3 กันใหม่ อย่างไรก็ดีในเกมที่จะฟาดแข้งกับ สโลวาเกีย ทางด้านของ สเตอร์ริดจ์ น่าจะได้รับโอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เพราะนโยบายพักผู้เล่นนั่นเอง

*** ไหนๆ เราก็พูดถึงเกมกับ สโลวาเกีย แล้ว ไฉนเราจะมองข้ามยอดแข้งกองหลังรายนี้ไปได้

มาร์ติน สเคอร์เทล (ลงสนามในนามทีมชาติ 83 นัด / ยิง 5 ประตู)

          "กัปตันคาร์ฟ" ลงสนามทั้งสองเกมให้กับทัพ สโลวาเกีย ซึ่งผลงานและฟอร์มการเล่นของเขายังถือว่ารักษามาตรฐานได้เป็นอย่างดี ไม่เหมือนตอนช่วงท้ายฤดูกาลกับ ลิเวอร์พูล แม้ว่าเขาจะมีลูกหวาดเสียวให้เห็นบ้างในทัวร์นาเม้นท์นี้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและปลอกแขนอันทรงเกียรติทำให้เขากลายเป็นตัวหลักในเกมรับที่ทีมจะขาดไม่ได้