หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / ตำนาน2016!! ผลสอบแข้ง "หงส์" เกมสปิริตไล่ทวงคืน ถีบ "เสืิอเหลือง" ตกสวรรค์

ตำนาน2016!! ผลสอบแข้ง "หงส์" เกมสปิริตไล่ทวงคืน ถีบ "เสืิอเหลือง" ตกสวรรค์

ตำนาน2016!! ผลสอบแข้ง หงส์ เกมสปิริตไล่ทวงคืน ถีบ เสืิอเหลือง ตกสวรรค์

ซิมง มิโญเล่ต์ 6.5

Borussia Dortmund's Pierre-Emerick Aubameyang scores his side's second goal

     โชว์ซูเปอร์เซฟได้ 1 หนจากจังหวะยิงของ โอบาเมย็อง แต่ก็ไม่รอดโดน มคิตาร์ยาน ซ้ำดาบสองเข้าไป ภาพรวมนั้น มิโญเลต์ ก็ยังคงมีปัญหากับการใช้เท้าเล่นบอลหรือสาดบอล แต่ก็ยังโอเคที่มีเซฟสวยๆ ได้ตามมาตรฐาน

นาธาเนี่ยล ไคลน์ 7.5

     แบ็กขวาบาล๊านซ์ดีคนนี้ ดูจะรับมือกับแนวรุกของ ดอร์ทมุนด์ ได้ดีกว่าใครๆ แม้จะโดนบททดสอบระดับโลกอย่าง รอยส์ แต่ก็ยังหาโอกาสขึ้นไปเติมเกมรุกได้อย่างถึงใจถึงอารมณ์ในหลายจังหวะ อาจมีความผิดพลาดครั้งเดียวทื่ ไคลน์ ปล่อยให้ รอยส์ หลุดไปยิงลูก 3-1 แต่นอกนั้นเขาทำได้ถูกที่ถูกเวลาทั้งหมด อย่างไร้คำตำหนิ

เดยัน ลอฟเรน 9

Dejan Lovren of Liverpool scores the winning goal

     ฟอร์มอหังการ์ของ ลอฟเรน ในคืนนี้ ราวกับละครเขียนบทไว้ให้ เขาอาจจะไม่ได้ดีอะไรมากในเกมรับ แต่ก็มาสร้างเรื่องราวพิเศษ ด้วยการโขกประตูชัยในนาที 91 ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะเกิดขึ้นกับกองหลังรายนี้ที่ไม่เคยมีโอกาสทำประตูให้ทีม นอกนั้นในเกมเขาก็ดูจะแทบกระอักเลือดในการรับมือความเร็วของ โอบาเมย็อง ส่งผลให้หลุดตำแหน่งบ่อย และเกิดพื้นที่ช่องว่าง เรียกว่าประตู 4-3 ทำให้เขากลายเป็นตำนานแห่ง แอนฟิลด์ 2016 อย่างแท้จริง

มามาดู ซาโก้ 8

Liverpool's French defender Mamadou Sakho celebrates after scoring Liverpools third

     ไม่ต่างจาก ลอฟเรน เขาย่ำแย่มากๆ ในการคุมเกมรับ แต่กลับมาปล่อยหมัดเด็ด โขกประตูตีเสมอ 3-3 อย่างเหมาะเจาะ จุดประกายให้ทีมเครื่องร้อนเต็มสูบในช่วง 10 นาทีสุดท้าย ชนิดไม่มีอะไรจะเสีย แต่ถ้าพูดถึงการยืนแผงหลัง เขาก็ล้มเหลวและเสียท่า โอบาเมย็อง ทั้ง 2 ประตูแรกที่เสียไปเช่นกัน แม้จะแก้ตัวได้ในการสกัดที่เด็ดขาด ก่อนหวิดจะเสียลูกที่ 3 ให้ศูนย์หน้ากาบอง แต่อย่างว่าแหละครับ ต้องให้เครดิต ซาโก้ สำหรับการโหม่งประตูนั้นเต็ม 100

อัลแบร์โต้ โมเรโน่ 6

Liverpool's Alberto Moreno is dejected after missing a chance to score

     ฟูลแบ็กสเปนวิ่งขึ้นๆ ลงๆ มากราบซ้าย ด้วยพลังงานเกิน 200 % เขาวิ่งแหลก วิ่งชิบหายวายวอด แม้มักจะขึ้นไปเติมไม่ถูกที่ถูกทางนัก ขณะที่ผลงานการเข้าปะทะคู่ต่อสู้ โมเรโน่ ก็ทำได้ดีแท็กเกิ้ลได้เด็ดขาด แต่กระนั้นเขาก็ยังชอบทำเสียว เนื่องจากหลุดตำแหน่งตัวเองบ่อยเกินไป

เอ็มเร่ ชาน 8

Liverpool's Emre Can and Borussia Dortmund's Gonzalo Castro battle

     ดาวเตะเยอรมันวิ่งสู้ฟัดบงการเกมในแดนกลางอย่างโดดเดี่ยว และก็ทำได้ดีด้วย เขาคุมเกมได้อย่างเยือกเย็น และแข็งแกร่งยามดวลตัวต่อตัว ต้นครึ่งหลัง ชาน แอสซิสต์ให้ โอริกี ซัดผ่าน ไวเดนเฟลเลอร์ เปิดแผลแรกได้สำเร็จ ชัดเจนว่าเขาคือหัวใจหลักของมิดฟิลด์ ลิเวอร์พูล ชุดนี้ แม้ท้ายที่สุดจะต้องออกไปพักท้ายเกม เพราะเจ็บหน้าแข้ง

เจมส์ มิลเนอร์ 9

Liverpool's James Milner is tackled by Borussia Dortmund's Shinji Kagawa

     แสดงออกมาชัดเจนว่า มิลเนอร์ เหมาะที่สุดในการเล่นเกมรุก มากกว่าจะมายืนตรงกลางสนามคู่ ชาน ด้วยผลงานการถวายพานให้เพื่อนยิง 2 ประตูจากฝีเท้าของ คูตินโญ่ และ ลอฟเรน ชดเชยกับการเตะมุมที่ไม่ได้เรื่องกันไป แต่เรื่องหัวจิตใจคงไม่ต้องบรรยายให้เสียเวลา กับสิ่งที่กองกลางจอมเก๋ารายนี้แสดงออกมาทั้งฤดูกาล 

อดัม ลัลลาน่า 5

Adam Lallana of Liverpool competes with Mats Hummels of Borussia Dortmund

     ฟอร์มเงียบสนิทที่สุดของทีม แม้จะมีโอกาสได้กลับตัวยิงหน้าประตู จากจังหวะที่ โอริกี ทะลุช่องมาให้ในครึ่งแรก แต่ก็ดันวืดไป ก่อนท้ายที่สุด ลัลลาน่า จะค่อยๆ หายไปจากเกม และโดนถอดออกไปพัก เพื่อพลิกสถานการณ์ในท้ายที่สุด

โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ 6

     มีช็อตสวยๆ เล่นชิ่ง 1-2 กับ คูตินโญ่ ในครึ่งแรก ฟีร์เมียโน่ ประสานงานได้ดีกับจอมทัพหมายเลข 10 และเคลื่อนไหวสวยๆ ในบางจังหวะที่เป็นสถานการณ์คับขัน แต่ที่สุดก็ถูกเปลี่ยนออกไปพักเช่นกัน เพราะไม่ได้มีประสิทธิภาพชััดเจนในช่วงเวลาที่ทีมต้องการประตูอย่างหนัก

ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ 7.5

Liverpool's Philippe Coutinho scores his side's second goal of the game

เริ่มต้นได้ไม่ค่อยสวย หลังผ่านบอลให้ โมเรโน่ พลาด จนโดน มคิตาร์ยาน ฉกไปยิง แต่อย่างไรเสีย ช็อตนี้นับว่าเป็นความผิดของแผงหลังหงส์แดงมากกว่า ในครึ่งแรก คูตินโญ่ ได้ซัดประตูนับไม่ถ้วน แม้จะไม่ตรงกรอบ ก่อนที่สุด กระสุนจะพุ่งออกจากรังเพลิง จากจังหวะที่ มิลเนอร์ ไหลบอลมาให้ พาทีมไล่มาเป็น 2-3 ในครึ่งหลัง

ดิว็อค โอริกี 9

Divock Origi of Liverpool scores his team's opening goal

     ครบเครื่องเรื่องกองหน้าสำหรับ โอริกี ที่ยอดเยี่ยมมาก ในฐานะหน้าเป้า เขาครองบอล เก็บบอลได้ วิ่งทะลุช่องได้เก่ง เชื่อมเกมแดนกลางก็ดี และที่สำคัญวิ่งกดดันกองหลัง ดอร์ทมุนด์ จนต้องถอยต่ำอยู่กับที่ แมตช์นี้หลังพยายามคลำเป้าหลายที ก็มาฉวยโอกาสจนได้อย่างเหมาะเจาะ เมื่อ ชาน ชิพมาให้เขาได้ดีดสวนตัว ไวเดนเฟลเลอร์ เข้าไป นอกจากนั้นดูมีแนวโน้มจะประสานงานกับ สเตอร์ริดจ์ ได้ดีอีกด้วย

สำรอง

โจ อัลเลน (แทน ลัลลาน่า นาที 62) 6.5

     เรียกเสียงฮือฮาได้ 1 ดอก จากโอกาสกลับหลังยิงประตูข้ามคาน แต่ภาพรวม อัลเลน ลงมาปรับจังหวะเกมให้กลายเป็นบอลทะลุช่อง ภาคพื้นดินอย่างชัดเจน อาศัยความคล่องตัวคอยเชื่อมเกมให้เพื่อนได้เล่นบอลทั่วสนามและง่ายขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีเลยในเกมครึ่งแรก

แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ (แทน ฟีร์เมียโน่ นาที 62) 6

     แม้จะไม่ได้มีโอกาสจบสกอร์ หรือโดดเด่นมากนัก แต่ สเตอร์ริดจ์ ก็มีความจัดจ้านมากพอที่เล่นงานแผงหลังทีมเยือนได้ เพียงการสัมผัสบอลไม่กี่ครั้ง อย่างลูกที่ป้ายต่อให้ ซาโก้ โขก หรือแม้กระทั่งโอกาสจะถวายพานให้ โอริกี ที่ตัดสินใจพลาดไปก็ตาม การเคลื่อนไหวของเขา ทำเอา ดอร์ทมุนด์ จนปัญญาจะรับมือเหมือนกัน

ลูคัส เลว่า (แทน ชาน นาที 80) ไม่มีคะแนน

     ลงมาแบบสถานการณ์บังคับ เพราะ ชาน ดันเจ็บแข้ง เลยต้องส่ง ลูคัส ตัวตัดเกมพันธุ์ดั้งเดิม ลงมาไล่เตะคนสักหน่อย ซึ่งก็ทำได้ดีในการเล่นลูกกลางอากาศ แม้จะมีจังหวะชวนหวาดเสียว ที่ไปทำฟาล์วหน้าเขตโทษให้ กุนโดกัน ซัดฟรีคิกไม่ตรงกรอบในวินาทีสุดท้ายก็ตาม

ADS