พรีวิว ยูโรป้า ลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด -vs- ลิเวอร์พูล (03.05 น.)

สภาพทีมล่าสุด : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

     ฟาน กัล กุนซือผีแดงจะยังมี มารูยาน เฟลไลนี่ ที่ไม่โดน ยูฟ่า แบนย้อนหลัง จากการไปฟาดศอกใส่ เอ็มเร่ ชาน ในนัดแรก อย่างไรก็ตาม ยูไนเต็ด จะขาด อันโตนิโอ วาเลนเซีย และ แอชลี่ย์ ยัง ที่เพิ่งจะกลับมาซ้อมได้แบบเบาๆ ซึ่งยังเร็วไปที่จะส่งลงสนาม ขณะที่ บาสเตียน ชไวน์สไตน์เกอร์ หมดสิทธิ์แน่นอน เพราะยังเจ็บ แต่ได้ เจสซี่ย์ ลินการ์ด ที่พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีม ทางด้านกัปตันทีมอย่าง เวย์น รูนี่ย์ ดาวยิงคนสำคัญก็ยังต้องพักรักษาตัวต่อไปจนถึงเดือนเมษายน เช่นเดียวกับ คาเมร่อน บอร์ธวิค แจ็คสัน, ฟิลโจนส์ และ ลุค ชอว์

สภาพทีมล่าสุด : ลิเวอร์พูล

     ขณะที่ทางด้าน ลิเวอร์พูล ได้ตัว เจมส์ มิลเนอร์ กลับมาช่วยแดนกลางอีกครั้ง หลังหายจากการติดไวรัส จนพลาดลงสนามในนัดแรก แต่ที่ลงสนามไม่ได้แน่นอนคือ จอน ฟลานาแกน ที่ไม่ได้ถูกส่งชื่อใน 25 ผู้เล่นในรายการนี้ รวมทั้ง มาร์ติน สเคอร์เทล ที่กลับมาซ้อมได้อีกครั้ง หลังบาดเจ็บแฮมสตริง และล่าสุดเพิ่งช่วยทีมสำรองในเกมบุกไปแพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อวานนี้ นอกนั้น ลูคัส เลว่า ยังเจ็บที่ต้นขา นอกนั้นยังมี อัลแบร์โต้ โมเรโน่ ที่ต้องลุ้นเช็กฟิตก่อนเกม หลังเจ็บแฮมสตริงในระหว่างซ้อม

คีย์แมน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ฆวน มาต้า

     จัดว่าเป็นของแสลงของ ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริงสำหรับ ฆวน มาต้า เพลย์เมกเกอร์สเปนที่ทำแสบใส่เราบ่อยๆ ยิ่งพบกันในช่วงหลัง เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับทั้ง 8 ประตูของทีมจาก 8 เกมหลังสุดที่พบกับ ลิเวอร์พูล ในทุกรายการ (3 ประตู และ 5 แอสซิสต์) และด้วยรูปเกมที่คาดว่า ลิเวอร์พูล น่าจะไม่ดันสูงมากเท่านัดแรก ย่อมเป็นโอกาสดีที่ มาต้า จะเป็นกุญแจสำคัญในการเจาะแนวรับของคลับหงส์แดงในคืนนี้ รวมทั้งทีเด็ดจากลูกฟรีคิกของเขาที่หวังผลได้

ลิเวอร์พูล : โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่

     นาทีนี้ ตัวความหวังของ ลิเวอร์พูล ที่ทางประสิทธิภาพที่สุด คงหนีไม่พ้น โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ กองหน้าบราซิล ที่ค้นฟอร์มเก่งบนเกาะอังกฤษได้แล้ว หลังยิงไม่หยุดตั้งแต่ขึ้นปีใหม่ รวมทั้งแอสซิสต์ให้เพื่อนทำประตูได้เรื่อยๆ จุดเด่นของเขาคือเทคนิคที่แพรวพราว พร้อมหลอกกองหลังผีแดงให้หลังหัก การได้ประสานงานกับทีมงาน LFC + แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ จึงเป็นอะไรที่อันตรายเสมอ

วาทะก่อนเกมของผู้จัดการทั้งสองทีม

หลุยส์ ฟาน กัล :

     "พรุ่งนี้เราต้องคิดเพียงสิ่งเดียวคือการชนะ ลิเวอร์พูล และ ชนะสัก 2-0 ก่อน ไม่จำเป็นต้อง 3-0 เพราะเราสามารถทำเช่นนั้นได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ถ้าเรานำ 2-0 จากนั้นเราก็จะมีโอกาสเข้ารอบต่อไป คุณรู้ดีว่าเรายิงประตูได้ภายใน 3 หรือ 4 นาที ในซีซั่นนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้"

เจอร์เก้น คล็อปป์ : 

     "เราแค่ต้องการผ่านเข้ารอบต่อไป ผมคิดแต่เรื่องการแข่งขันเท่านั้น บางที ยูไนเต็ด คงจะเสี่ยงเต็มตัวตั้งแต่วินาทีแรก แต่ หลุยส์ ฟาน กัล เป็นผู้จัดการที่เปี่ยมประสบการณ์มาก เขามีแผนของเขา การออกสตาร์ทที่ดีในเกมเป็นสิ่งสำคัญ เราจะพยายามเล่นให้ใกล้เคียง หรือเข้มข้นยิ่งกว่าเดิมในแบบที่เราเคยเล่นที่ แอนฟิลด์"

ฟอร์มการเล่น

     ผลงานของ ยูไนเต็ด บน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ซีซั่นนี้ 10 นัดหลังสุด ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 2 และยิงประตูได้แทบทุกนัด 1 ลูกเป็นอย่างน้อย ขณะที่ทีมเยือน ลิเวอร์พูล 10 เกมหลัง ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 3 ยังมีปัญหาในการทำประตูที่ยิงได้ไม่มากนัก ยามออกนอกบ้าน

ประวัติการพบกัน   

     แข็งเสมอสำหรับ ยูไนเต็ด พวกเขาชนะในรังตัวเองยามพบ ลิเวอร์พูล 12 จาก 14 ครั้งหลังสุดในทุกรายการ (แพ้ 2) และยิงประตูไม่ได้เพียงแค่ครั้งเดียวจากทั้งหมด

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เกอา - กีเยร์โม่ บาเรล่า, คริส สมอลลิ่ง, ดาลี่ย์ บลินด์, มาร์กอส โรโฮ - ไมเคิ่ล คาร์ริค, มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน - มาร์คัส แรชฟอร์ด, อันเดร์ เอร์เรร่า, เจสเซ่ ลินการ์ด - อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ซิมง มิโญเล่ต์ - นาธาเนี่ยล ไคลน์, เดยัน ลอฟเรน, มามาดู ซาโก้, อัลเบร์โต้ โมเรโน่ - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เอ็มเร่ ชาน - เจมส์ มิลเนอร์ - ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่

ทรรศนะ Siamliverpool

     พูดกันอย่างเป็นกลาง ไม่เข้าข้างใคร ต้องยอมรับตามตรงว่า ปีศาจแดงต่อให้ย่ำแย่แค่ไหน แต่ถ้าเล่นนัดสำคัญ พวกเขามักมีพลังพิเศษ สถิติที่เอ่ยมาก่อนหน้านี้ บ่งบอกไปหมดแล้ว เกมนี้ ยูไนเต็ด น่าจะต้องลุยแหลก แบบไม่มีอะไรจะเสีย และแม้ ลิเวอร์พูล จะมีเกมเพรสซิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่งานนี้ไม่ง่ายเลย เพราะ ฟาน กัล คงทำการบ้านมาดีกว่าเดิมในการแก้เกม จึงเชื่อว่าเราอาจต้องเล่นกันอย่างอึดอัด และระมัดระวังไม่ต่างกัน อย่างไม่ประมาท รูปเกมน่าจะมีประตูเกิดขึ้นน้อยกว่าที่คิด วันนี้ขอหักใจคาดเดาว่า ยูไนเต็ด จะเป็นฝ่ายมีชัยแก้เขิน แต่ตกรอบไปในท้ายที่สุด ชนิดลุ้นกันเยี่ยวเหนียวทั้งสองฝ่าย

ฟันธง : แมน ยูไนเต็ด ซิว 1-0