พรีวิว ยูโรป้า ลีก ลิเวอร์พูล -vs- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (03.05 น.)

พรีวิว ยูโรป้า ลีก ลิเวอร์พูล -vs- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2016 เวลา 03.05 น.

สนาม แอนฟิลด์

ผู้ตัดสิน การ์ลอส เบลาสโก้ การ์บาลโญ่

ถ่ายทอดสด True4U (ช่อง 24)

     เกมนี้เหล่าสาวก "เดอะ ค็อป" พลาดไม่ได้!! เมื่อพลพรรค "เรด แมชชีน" มีคิวต้องเปิดบ้านทำศึกแดงเดือดนัดที่ 195 กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งถือเป็นการพบกันครั้งแรกในประวัติศาสตร์บอลยุโรปของพวกเขา จากผลงานถือว่าอยู่ในฟอร์มกำลังเข้าที่ด้วยทั้งคู่ โดยเฉพาะเจ้าถิ่นที่เพิ่งคว้าชัยมาได้ในเกมลีกนัดล่าสุด ศึกครั้งนี้มีโควต้า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นเดิมพันรออยู่เบื้องหน้า ทั้งคู่ไม่มีทางยอมเพลี่ยงพล้ำง่ายๆ ก่อนแน่นอน..

สภาพทีมล่าสุด : ลิเวอร์พูล

     เจอร์เก้น คล็อปป์ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน จอน ฟลานาแกน ที่ไม่ได้ถูกส่งชื่อลงในรายการนี้ เช่นเดียวกับ เจมส์ มิลเนอร์ ที่จะพลาดเกมนี้เพราะมีอาการป่วยเล็กน้อย ส่วน ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ และ นาธาเนี่ยล ไคลน์ ที่ได้พักเป็นสำรองจากเกมลีกล่าสุด จะคัมแบ็กออกสตาร์ทตัวจริงอีกครั้งในเกมนี้ โดยมีผู้เล่นชุดหลักจากนัดล่าสุดอย่าง มามาดู ซาโก้, เดยัน ลอฟเรน, เอ็มเร่ ชาน และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงสนามกันอย่างพร้อมเพียง

สภาพทีมล่าสุด : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

     ส่วนความพร้อมทางฝั่งทีมเยือน หลุยส์ ฟาน กัล จะไม่สามารถใช้งาน เจสเซ่ ลินการ์ด ที่ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลือง เช่นเดียวกับ อั๊ดนาน ยานาไซ ที่ติดคัพ-ทายห้ามลงเล่น ส่วนผู้เล่นอย่าง เวย์น รูนี่ย์, วิล คีน, แอชลี่ย์ ยัง, ลุค ชอว์, ฟิล โจนส์, คาเมร่อน บอร์ธวิค-แจ็คสัน, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย จะหมดสิทธิ์ลงสนามตามเดิมเพราะอาการบาดเจ็บ คาดว่าเกมนี้ อ็องโตนี่ มาร์กซิอัล จะถูก ฟาน กัล วางไว้เป็นหัวหอกล่อเป้าฝ่ายตรงข้าม โดยมี เจสซี่ ลินการ์ด, ฆวน มาต้า กับ เมมฟิส เดปาย เป็นสามประสานในเกมรุก และ มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน กับ ไมเคิ่ล คาร์ริค เป็นคู่หูในตำแหน่งแดนกลาง

คีย์แมน

ลิเวอร์พูล : โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่

     แม้เกมนี้ คูตินโญ่ จะคืนสนามเป็นตัวจริงและมองเป็นตัวความหวังสำหรับ ลิเวอร์พูล ในค่ำคืนนี้ แต่หากมองผลงานในช่วงหลังของ ฟีร์เมียโน่ ถือว่าเป็นตัวทีเด็ดและผลิกสถาการณ์ให้ทีมยามคับขันได้บ่อยครั้งโดยเฉพาะเกมลีกนัดล่าสุด จากสถิติ 8 ประตู 8 แอสซิสต์ น่าจะทำให้เขาเป็นตัวคีย์แมนสำคัญในวันนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : อ็องโตนี่ มาร์กซิอัล

     เมื่อไม่มีลูกพี่ใหญ่อย่าง เวย์น รูนี่ย์ ในสนาม มาร์กซิอัล กลับถูกวางให้เป็นตัวความหวังของทีมเยือนอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งเจ้าตัวเคยแหวกกองหลัง ลิเวอร์พูล กระจุยกระจายมาแล้วจากการเผชิญหน้ากันในเกมลีกที่ โอลด์แทรฟฟอร์ด น่าจะสร้างความหวาดผวาให้แก่แนวรับ ลิเวอร์พูล ได้ไม่น้อยทีเดียว

วาทะก่อนเกมของผู้จัดการทั้งสองทีม

เจอร์เก้น คล็อปป์ :

     "ผมไม่เชื่อเรื่องความเป็นศัตรูในวงการฟุตบอล ผมเชื่อเรื่องคู่แข่งที่แท้จริงมากกว่า ผมไม่ได้มีปัญหาเลยกับ หลุยส์ ฟาน กัล แต่สิ่งสุดท้ายที่ผมต้องการจากเขาคือชัยชนะ เกมแบบนี้นี่แหละคือตัวแม่ของเกมฟุตบอลทั้งหมด"

หลุยส์ ฟาน กัล :

     "คุณจะต้องเป็นผู้ชนะไม่ว่ากรณีใดก็ตาม มันไม่ได้ต่างกันเลย ลิเวอร์พูล เจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด มันเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่เสมอไม่ว่าจะในอดีตหรือว่าตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ทั้งสองทีมต้องห่ำหั่นกันเพื่อโควต้า แชมเปี้ยนส์ลีก ฉะนั้นมันจะเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่สำหรับทั้งสองฝ่ายในความคิดผม"

ฟอร์มการเล่น

     ฟอร์มการเล่น 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม ลิเวอร์พูล เก็บชัย ได้ 3 จาก 5 นัดที่ผ่านมา (ชนะ 3 เสมอ 2) ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะไปถึง 4 นัดติดต่อกันก่อนจะมาพ่ายในเกมล่าสุด

ประวัติการพบกัน

     เกมนี้จะเป็นการพบกันในศึกแดงเดือดครั้งที่ 195 แต่เป็นการพบกันเป็นครั้งแรกในเกมยุโรป โดย ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปได้ 64 ครั้ง แพ้ 79 ครั้ง และเสมอ 51 ครั้งด้วยกัน

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : ซิมง มิโญเล่ต์ - นาธาเนี่ยล ไคลน์, เดยัน ลอฟเรน, มามาดู ซาโก้, อัลเบร์โต้ โมเรโน่ - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เอ็มเร่ ชาน - อดัม ลัลลานา, โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ - แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เกอา - มัตเตโอ ดาเมี่ยน, คริส สมอลลิ่ง, ดาลี่ย์ บลินด์, มาร์กอส โรโฮ - ไมเคิ่ล คาร์ริค, มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน - เจสซี่ ลินการ์ด, ฆวน มาต้า, เมมฟิส เดอปาย - อ็องโตนี่ มาร์กซิอัล

ทรรศนะ Siamliverpool

     เจอร์เก้น คล็อปป์ หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องล้างอายให้ได้จากเหตุการณ์พ่ายช็อคคา แอนฟิลด์ ทั้งที่น่าชนะ บิ๊กบอสเมืองเบียร์ตัดสินใจพักผู้เล่นตัวหลักในเกมกับ พาเลซ ถือเป็นการบ่งบอกความจริงจังได้เป็นอย่างดี บวกกับความมั่นใจหลังคว้าชัยติดต่อกันได้ต่อเนื่อง แถมไม่แพ้ใครเลยใน 6 นัดหลังรวมทุกรายการ น่าจะสร้างความหวาดกลัวให้ฝั่งทีมเยือนได้พอสมควร ยิ่ง ยูไนเต็ด เพิ่งพลาดท่าพ่ายในเกมลีกนัดล่าสุดมาหมาดๆ เชื่อว่าเกมนี้ "หงส์แดง" มีสิทธิ์ล้างแค้น ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ พร้อมไม่เสียอเวย์โกลให้อีกด้วย

ฟันธง : ลิเวอร์พูล เบียดชนะ 1-0