หวานเจี๊ยบ!! โมลบี้ เชื่อ "แดงเดือด" นัดแรกเล่นใน แอนฟิลด์ ก่อนได้เปรียบ

     แยน โมลบี้ อดีตกองกลางทีมชาติเดนมาร์กของ ลิเวอร์พูล เชื่อมั่นว่าทีมรักของเขา ถือความได้เปรียบในการเล่นเกม ยูโรป้า ลีก กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

     หลังผ่านด่านเอาชนะ เอาก์สบวร์ก มาได้ 1-0 ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย และได้เจอกับคู่แค้นตลอดอย่าง ยูไนเต็ด โดยนัดแรกจะเล่นที่ แอนฟิลด์ ในวันที่ 10 มีนาคม ก่อนจะสู้กันนัดที่ 2 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันที่ 17 มีนาคม

     โมลบี้ ซึ่งเคยคว้าแชมป์ลีกมาแล้ว 3 สมัยกับทีม และลงสนามไปมากกว่า 30 นัด เชื่อว่าการได้เล่นนัดที่ 2 ณ รังเหย้าของทีมปีศาจแดง จะเป็นเกมตัดสินการเข้ารอบที่ได้เปรียบของ ลิเวอร์พูล

     "ก็เหมือนแฟน ลิเวอร์พูล ทุกคนที่ควรจะเป็น ผมตั้งหน้ารอคอยกับการดวล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้ง 2 นัด"

     "และโดยธรรมเนียมแล้ว คุณย่อมต้องการจะได้เล่นนัดที่ 2 ในบ้านของตัวเองเสมอ ผมคิดว่านั่นจะเป็นโอกาสที่คู่แข่งจะได้เปรียบเรา"

     "ผมเชื่อมั่น ลิเวอร์พูล เวลาเล่นเกมเยือนมากกว่าเล่นในบ้านที่ แอนฟิลด์ ดังนั้นถ้าเราหลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้ในนัดแรกได้ ผมคิดว่าเราจะมีโอกาสดีที่จะสร้างความได้เปรียบ ผมเชื่อมั่นเช่นนั้น"

     นอกจากนั้น โมลบี้ ยังยอมรับว่าเขารู้สึกแปลกใจที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเยอรมันไม่เลือกให้ เจมส์ มิลเนอร์ เป็นตัวจุดโทษคนแรก ในเกมนัดชิงชนะเลิศ แคปิตอล วัน คัพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

     "ผมแน่ใจว่าผมไปประหลาดใจเพียงคนเดียวแน่กับตัวยิงจุดโทษของ ลิเวอร์พูล รวมทั้งลำดับตัวยิงที่ เวมบลีย์"

     "มิลเนอร์ เป็นตัวหลักในการซัดลูกโทษฤดูกาลนี้ ถูกวางไว้เป็นคนยิงคนที่ 5 แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสเช่นนั้น มันทำให้ทุกคนต่างสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น"

     "เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับผมตอนปี 1992 สมัยผมยังเล่นให้ พอร์ทสมัธ ผมถูกจัดเป็นตัวยิงคนที่ 5 แต่เราก็ชนะก่อนที่ผมจะได้ยิง"

     "พอมองกลับไป มันเป็นแนวทางที่ผมเคยได้ทำ นั่นคือให้คนยิงจุดโทษดีที่สุดยิงเป็นคนสุดท้าย"

     "แต่ ลิเวอร์พูล ไม่ได้มีตัวยิงจุดโทษที่มีประสบการณ์มากนัก ดังนั้นผมจึงคิดว่าพวกเขาควรส่ง มิลเนอร์ เป็นคนแรก"

     "อย่าง ลูคัส, คูตินโญ่, ลัลลาน่า แม้กระทั่ง ชาน พวกเขาไม่ได้ยิงลูกโทษเป็นประจำ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่เสี่ยง"

     "ลองมอง ซิตี้ สิ พวกเขาใช้ อเกวโร่, ตูเร่ และอาจจะมี โบนี่ อีกคน นั่นคือความแตกต่างในท้ายที่สุด"