5 สิ่งที่แฟนบอล ลิเวอร์พูล ได้เรียนรู้จากเกมแรกของ เจอร์เก้น คล็อปป์

5 สิ่งที่แฟนบอล ลิเวอร์พูล ได้เรียนรู้จากเกมแรกของ เจอร์เก้น คล็อปป์

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากขึ้น

     เจอร์เก้น คล็อปป์ มีเวลาจริง ๆ เพียงแค่สองวันเท่านั้น แต่เขาก็สามารถปรับโฉมทีมใหม่ของเขาไปยังทิศทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทันที่ในเกมบุกเสมอ "ไก่เดือยทอง" 0-0 ที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน

     ลิเวอร์พูล เปิดตัวมาได้ 20 นาทีก็สามารถทำให้แฟน ๆ ประทับใจได้แล้วกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แต่ดูแล้วทางนายใหญ่เยอรมันยังคงต้องการเห็นอะไรจากทีมมากขึ้นกว่านี้ในนัดต่อ ๆ ไป

     ตลอด 90 นาทีในลอนดอนเหนือเรามาดูกันสิว่าเราได้จากเกมนัดนี้บ้าง

1 "เกเก้นเพรสซิ่ง" ในทีม ลิเวอร์พูล ได้เริ่มขึ้นแล้ว

     - ลิเวอร์พูล เบียด สเปอร์ส เป็นทีมที่วิ่งมากที่สุดในลีกไปแล้วในฤดูกาลนี้ นั้นเพราะการทำงานในแบบ "เกเก้นเพรสซิ่ง" ได้นำมาใส่ในทีมแล้วนั่นเอง

     - คล็อปป์ เป็นที่ยอมรับอย่างมากจากการสร้างทีม ดอร์ทมุนด์ ด้วยสไตล์การเล่นเช่นนี้ ใครจะเชื่อว่าเราจะเห็นนักเตะอย่าง ดิว็อค โอริกี และ อดัม ลัลลานา สามารถวิ่งบีบคู่แข่งได้มากถึงขนาดนั้น

     - เราเห็น ลูคัส เลว่า และ เอ็มเร่ ชาน ยกระดับความสามารถของตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อในเกมนี้

2 การเริ่มต้นที่ดีในเกมนี้นำไปสู่ประสิทธิภาพที่แท้จริงในวันข้างหน้า

     แม้เกมนี้ทีมยังมีข้อผิดพลาดให้เห็นอยู่พอสมควร แต่เราก็ได้เห็นสัญญาณในเชิงบวกในหลาย ๆ จุด ภายในทีมโดยเฉพาะความมุ่งมั่นและวินัยในการเล่นที่ดูสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

     หนึ่งในความผิดพลาดในยุค เบรนแดน ร็อดเจอร์ส คือพยายามเก็บบอลไว้ให้นานที่สุดแต่กลับล้มเหลวในการเจาะทำประตูคู่แข่ง มิหนำซ้ำกลับถูกฝ่ายตรงข้ามเจาะทะลุแผงหลังอันเบาะบางได้อย่างง่ายดายอีกด้วย แม้เกมนี้ ซิมง มิโญ่เล่ต์ จะช่วยเซฟจังหวะอันตรายและน่าจะโดนไปถึง 2 เม็ด แต่ถึงกระนั้นเราก็ได้เห็นแนวโน้มที่ดีจากเกมนี้พอสมควร

ความหน้าแน่นในการเล่นระบบ "เกเก้นเพรสซิ่ง"

3 อารมณ์ร่วมและความเกรี้ยวกราดในเกมอาจยังไม่เพียงพอสำหรับนัดนี้

     ดิว็อค โอริกี อาจได้รับการยกย่องมากเกินจริงจากผลงานในช่วงบอลโลก 2014 นัดนี้เขาไม่สามารถวิ่งหาช่องทำทางให้เพื่อนได้ และนั่นเองที่ถือเป็นจุดอ่อนในเกมรุกยามไม่มี เบนเทเก้ และ สเตอร์ริดจ์

     แม้เกมนี้เราได้เห็นความมุ่งมั่นจากตัว คล็อปป์ หรือ เหล่าบรรดานักเตะ 11 คนในสนามได้อย่างชัดเจน แต่ด้วยองค์ประกอบที่พร้อมที่สุดเพียงเท่านี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะเห็นทีมบรรลุปรัชญาการเล่นของเทรนเนอร์ได้ดีทันตาเห็น

4 เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในแนวรับของ ลิเวอร์พูล

     มาร์ติน สเคอร์เทล และ มามาดู ซาโก้ ดูเหมาะเป็นตัวเลือกแรกในทีมชุดนี้ เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและ ซาโก้ มีการสื่อสารในแผงแนวรับอย่างที่เราอยากจะเห็น

     ซิงมง มิโญเล่ต์ ต้องการความร่วมมือที่ดีจากแผงกองหลัง จากที่มองใน 45 นาทีแรก ผู้เล่นในแนวรับของเราต่างถูกเจ้าถิ่นโหมกดดันเข้าใส่เป็นอย่างมาก และนั่นถือเป็นสัญญาณที่ดีเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทำเพื่อต้านแนวรุกคู่แข่งได้อย่างน่าดูชม

     แม้มันจะเป็นช่วงเวลาที่ยากที่ เราอาจจะคาดหวังเห็นทีมทำผลงานได้อย่างเฟอร์เฟ็คค์ตั้งแต่เกมแรกของผู้จัดการทีมป้ายแดง แต่สิ่งที่ คล็อปป์ เน้นย้ำว่าไม่ต้องการเห็นความซับซ้อนในการเล่นเพราะมันก็แค่ฟุตบอล มันเลยทำให้ทุกอย่างดูง่ายไปหมดจากแต่ก่อน

5 จากปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บเรายังคงไม่เห็น ลิเวอร์พูล โฉมใหม่แบบทันตานัก

     คล็อปป์ ต้องจัดตัวผู้เล่นในเกมกับ สเปอร์ส ในแบบจำกัดจำเขี่ยเพราะผู้เล่นตัวหลักและผู้เล่นหน้าใหม่ตัวความหวังต่างพากันเจ็บกันเป็นแถว จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันตัวเก่งของทีมจะกลับมาสู่ทีมได้ในเดือนหน้า ส่วน โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ จะกลับมาได้ในสัปดาห์หน้าเช่นเดียวกับ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

     จากปัญหาดังกล่าวเราอาจต้องรอไปอีกสักหน่อย เพื่อให้ผู้เล่นตัวความหวังเหล่านี้ได้ปรับจูนเข้ากับปรัชญาของ คล็อปป์ และเวลานั้นเราอาจจะเห็น "เกเก้นเพรสซิ่ง" ในแบบที่ คล็อปป์ ต้องการก็เป็นได้