5 สิ่งที่แฟน ๆ ลิเวอร์พูล พูดถึงหลังพ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

5 สิ่งที่แฟน ๆ ลิเวอร์พูล พูดถึงหลังพ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

     มันดูไม่ยุติธรรมเท่าไหร่นะครับหากจะบอกว่าแฟน ๆ ลิเวอร์พูล อย่างพวกเราไม่ให้การหนุนหลังผู้จัดการทีมโดยเฉพาะผลการแข่งขันหลังเกมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งผลการแข่งขันทุกท่านคงจะทราบดีอยู่แล้ว

     เกมลีกก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล กล้า ๆ เปิดบ้านให้ เวสต์แฮม บุกมายำใหญ่ได้ถึงถิ่น แอนฟิลด์ 3-0

     แน่นอนเราหมดสิทธิ์ใช้นักเตะคนสำคัญบางรายในเกมกับ ยูไนเต็ด แถมเกมการแข่งขันนัดนี้สามารถออกได้ทั้งสามหน้าไม่ว่าจะฟอร์มดีหรือย่ำแย่เพียงใดย่อมไม่มีผลมากนัก เพราะศักดิ์ศรีมันค้ำคออยู่!!

     เกมครึ่งแรกเราสามารถรับรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นหนึ่งในเกมที่ยากที่สุดในแง่ของการคอนโทรล์เกม ทั้งเกมเต็มไปด้วยความอึดอัดของทั้งสองฝ่าย แต่สิ่งใครหลายคนมองเห็นก็คือเรามาเล่นเพื่อรอโดนอย่างงั้นเหรอ แม้ครึ่งแรกเราจะยันเอาไว้ได้แต่เราก็พอมองออกแล้วล่ะว่ามีปัญหาแล้ว...

     เจ้าถิ่นเริ่มต้นครึ่งได้อย่างสวยหรูจากการได้ประตูออกนำ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นจากการแก้เกม และคำถามก็เกิดขึ้นในหัวผมอีกครั้งว่า ร็อดเจอร์ส ทำอะไรในช่วงเวลาดังกล่าว

     จริงอยู่ที่เราต้องยกเครดิตเจ้าถิ่นที่งัดลูกสูตรมาเล่นชนิดที่แฟนบอลในสนามหรือที่รับชมผ่านหน้าจออย่างเราก็คาดไม่ถึง

     แต่ใครจะเชื่อละครับว่าเราจะได้เห็น ร็อดเจอร์ส ใช้กองหน้ามาทำหน้าที่ในตำแหน่งริมเส้นแถมยังต้องเล่นเกมรับสกัดกั้นจังหวะเติมจากคู่แข่งอีก

     เกมที่เต็มไปด้วยความผิดหูผิดตาและการวางหมากที่ดูไร้ทิศทางเช่นนี้ ย่อมเกิดคำถามต่าง ๆ นานา และอะไรบ้างที่แฟนบอลเริ่มตั้งข้อส่งสัยเราจะยิบยกพูดถึงกันที่นี่ครับ...

ระบบไหนกันแน่ที่เราควรเล่น?

     หากมองตามหน้าเสื่อ เหล่าเกจิชื่อดังต่างมองว่าเราจะเล่นกองหน้าสองคนเป็นหน้าจากการเห็น แดนนี่ อิงส์ มีรายชื่อร่วมกับ เบนเตเก้ ในนัดนี้ ในแผน 4-4-2 ไดมอนด์ แต่พอเกมเริ่มเรากลับเห็น อิงส์ เล่นในบทบาทริมเส้นในระบบ 4-3-3 คำถามมีอยู่ว่าเราไม่มีผู้เล่นตำแหน่งริมเส้นมืออาชีพแล้วเราจะเล่นระบบ 4-3-3 ที่ต้องอาศัยจุดเด่นจากนักเตะริมเส้นทำเพื่อ?

ร็อดเจอร์ส ไม่เคยมีแผนสอง?

     ในหลาย ๆ ครั้งที่เรามักจะเห็นความดันทุรังของ ร็อดเจอร์ส ที่ดูจะเชื่อมั่นในแผนที่วางไว้ก่อนเกมจะเริ่ม เขาไม่เคยแก้เกมหรือมีแผนสำรอง และก็เป็นอีกครั้ง(ครั้งแล้วครั้งเล่า) ที่เราต้องรับชะตากรรมกับความพ่ายแพ้ตั้งแต่เกมยังไม่จบ บางทีเราอาจจะหาข้ออ้างที่ฟังดูแล้วสมเหตุสมผลในเรื่องขาดนักเตะตัวหลัก แต่ผมนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าครั้งสุดท้ายที่เราแก้เกมกลับมาได้มันคือเกมไหน

ใกล้ถึงเวลาที่ ลิเวอร์พูล ต้องเสียสตาร์ประจำทีมแล้ว?

     ดูเหมือนว่าเราจะตั้งความหวังไว้ที่ คูตินโญ่ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะหมายเลขในทีมยุคนี้ และจากผลงานของทีมที่ดูจะสวนทางกับความสามารถที่มีแต่จะพัฒนาแล้วก้าวไปเป็นยอดแข้งระดับเวิลด์คลาสของเขา เชื่อว่าอีกไม่นาน คูตี้ อาจจะเจริญรอยตาม หลุยซ์ ซัวเรซ ดาวเตะตัวความหวังคนก่อนที่ตัดสินใจออกไปแสวงหาความสำเร็จและได้เล่นกับนักเตะระดับเดียวกันอย่างที่ควรจะเป็น

ลิเวอร์พูล จะแก้ปัญหาในพื้นที่ด้านกว้างอย่างไร?

สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจในตัว ร็อดเจอร์ส อีกหนึ่งเรื่องคงหนีไม่พ้นการปล่อย มาร์โควิช ออกจากทีมในรูปแบบยืมตัว จากคำกล่าวอ้างคือเขาต้องการให้นักเตะมีโอกาสลงสนามได้มากขึ้น แต่ในทีมเรากลับมีปีกอาชีพที่พอจะใช้งานได้แค่ ไอบ์ คนเดียว!! แต่ดัน(เจือก)ชอบใช้แผน 4-3-3 เน้นพื้นที่ด้านกว้าง งงกันเป็นแถวเลยงานนี้

     อีกประเด็นก็คือเราเริ่มจะมีกระแสวิจารณ์ฟอร์มการเล่น ฟิร์เมียโน่ กันบ้างแล้วจากฟอร์มที่น่าผิดหวังในช่วงที่ผ่านมา โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าหมอนี้มีของแน่ ๆ จากผลงานการันตีในลีกเมืองเบียร์จากสองสามปีหลัง แต่พูดก็พูดเหอะผมมองไม่ออกเลยจริง ๆ ว่า ฟิร์เมียโน่ จะงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ไงในตำแหน่งปีกที่ไม่ใช่ในตำแหน่งถนัด

ลิเวอร์พูล จะเป็นอย่างไรต่อไป?

     การที่เราเร่งฟอร์มให้ทีมกลับมาได้โดยเร็วใช่ว่าจะทำได้ง่าย ๆ นัดที่ผ่านมาเราหมดสิทธิ์งานนักเตะแกนหลักไม่ว่าจะเป็น เฮนเดอร์สัน, คูตินโญ่, ลัลลานา หรือแม้แต่ สเตอร์ริดจ์ ถ้ามองในแง่ของความพร้อม เราเจอปัญหาใหญ่แล้วล่ะ!! แต่ถ้าเราได้ผู้เล่นเหล่านั้นมาทั้งหมดชนิดที่พร้อมเต็มสูบ เชื่อว่าทั้งผมและแฟนบอลทุก ๆ ท่านหน้าจะมองเห็นอนาคตของเราในปีนี้ไม่มากก็น้อยแล้วล่ะครับ