หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / ลิเวอร์พูล ต้องล้างคำสาปถึง 23 ปีในถิ่น แอนฟิลด์ ให้ได้!!

ลิเวอร์พูล ต้องล้างคำสาปถึง 23 ปีในถิ่น แอนฟิลด์ ให้ได้!!

earthmomo 2015-09-01 17:01:34 แอนฟิลด์
ลิเวอร์พูล ต้องล้างคำสาปถึง 23 ปีในถิ่น แอนฟิลด์ ให้ได้!!

ลิเวอร์พูล ต้องล้างคำสาปถึง 23 ปีในถิ่น แอนฟิลด์ ให้ได้!!

 

   เชื่อว่าแฟน ๆ สาวก "เดอะ ค็อป" ที่มีอายุอานามราว 30 ปี พอจะผ่านการเกมที่เป็นดั่งจุดด่างพร้อยของเรายามเล่นในถิ่นแอนฟิลด์มาถึง 23 ปี

    เกมในวันเสาร์กับความพ่ายแพ้ต่อ เวสต์แฮม 3-0 ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่ไม่น่าจดจำและไม่ควรเกิดกับสโมสรอย่าง ลิเวอร์พูล โดยเฉพาะการเล่นในบ้านที่ควรจะเป็นฝันร้ายของคู่แข่งอย่างที่เคยเป็นมาในอดีต

   สัญญาณบอกเหตุได้เริ่มอีกครั้ง ความตกต่ำของสโมสรในถิ่นแอนฟิลด์โดยเฉพาะในยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ดูจะไม่จางหายไปไหนและดูมีแนวโน้มว่า "เดอะ ค็อป" อย่างเรา ๆ จะต้องเจอเหตุการณ์ที่เป็นดั่งคำสาปนับตั้งแต่ยุค ซูเนสส์ และดูไม่มีทีท่าว่าเราจะกลับมาเป็นทีมสมฉายา "เร้ดส์ แมชชีน" ได้อีกครั้ง


ยุค ซูเนสส์ และ อีแวนส์

COVENTRY, ENGLAND - Saturday, April 6, 1996: Liverpool's manager Roy Evans against Coventry City during the Premiership match at Highfield Road. Coventry won 1-0. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

     จุดเริ่มต้นของยุคมืดเริ่มขึ้นในยุคการทำทีมของ แกรม ซูเนสส์ และ รอย อีแวนส์ ในช่วงสองสามปีแรกที่มีการเปลี่ยนมาเป็นชื่อพรีเมียร์ลีก เรามักจะเห็น ลิเวอร์พูล พ่ายในบ้านเป็นเรื่องบ่อยครั้ง

     ทีมอย่าง วิมเบิลดัน เชฟฟิลด์ยูไนเต็ด และ โคเวนทรี ต่างเคยกลับออกจากแอนฟิลด์พร้อมกับชัยชนะมาและในช่วงระหว่างปี 1992 และ 1995 แล้วนับจากบัดนั้นเป็นต้นมามนต์ขลังในถิ่นแอนฟิลด์ก็เริ่มจะจางหายราวกับถูกคำสาปนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

     ทางสโมสรตัดสินใจต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และเป็นครั้งแรกที่เรามีผู้จัดการทีมนอกสหราชอาณาจักรโดยนำ เฌอร่า อุลลิเยร์ กุนซือชาวฝรั่งเศสเข้ามาคุมบังเหียน


ยุค เฌอร่า อุลลิเยร์

MANCHESTER, ENGLAND - Saturday, April 5, 2003: Liverpool's manager Ge?rard Houllier walks out to face Manchester United during the Premiership match at Old Trafford. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

     เหมือนอาถรรพ์ดังกล่าวจะยังไม่หมดไปกับช่วงปีแรกที่บอสชาวฝรั่งเศสเข้ามาคุมทัพ ซึ่งทัพ "หงส์แดง" เอาชนะคู่แข่งได้เพียง 21 เกมเท่านั้นจาก 38 เกมในบ้านของตัวเอง

     แม้ "เดอะ เร้ดส์" จะประสบความสำเร็จจากบอลถ้วยไม่น้อยจากการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้ในปี 2000/01 แต่ผลงานเกมในบ้านถือว่าน่าผิดหวังจนน่าเกลียด ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่ ลิเวอร์พูล เป็นมาในอดีต

     อิปสวิช เคยบุกมาลูบมาแล้ว 1-0 ขณะเดียวกันทาง ซันเดอร์แลนด์ มิดเดิ้ลสโบรช์ และ ดาร์บี้เคาน์ตี้ ต่างเคยทำในลักษณ์เดียวกันมาแล้วในยุคของผู้จัดการทีมรายนี้


ยุค ราฟาเอล เบนิเตซ


     เบนิเตซ ใช้เวลาในถิ่นแอนฟิลด์อยู่หกปีเพื่อดึงจิตวิญญาณความเป็น ลิเวอร์พูล ออกมา และดูเหมือนว่าเขาจะทำสิ่งที่วิเศษให้กับทีมได้หากวัดไปที่ปีแรกของเขากับสโมสร

     ในยุคที่นายใหญ่ชาวสเปนคุมบังเหียน นักเตะในยุคของเขาอาจจะเป็นนักเตะที่ดีที่สุดทีมนึงของยุโรปในยุคหลัง 2000 ว่าได้ สมัยนั้นเรามีนักเตะอย่าง เปเป้ เรน่า, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ชาบี้ อลอนโซ่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ เฟอร์นันโด ตอร์เรส ที่สามารถต่อกรกับทีมใดก็ได้ในเวลานั้น

     ชุดนี้สามารถคว้าแชมป์ลีกได้โดยไม่ต้องสงสัย แต่กลับดูไร้พิษสงยามเผชิญหน้ากับ ฟูแล่ม เวสต์แฮม และ ฮัลล์ ซิตี้ ในถิ่นของตัวเอง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีทางเกิดขึ้นกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แน่นอน


ยุค ฮอดจ์สัน และ ดัลกลิช

    ยุคของ ฮอดจ์สัน ถือเป็นยุคที่ตกต่ำที่สุดอีกหนึ่งยุค นับตั้งแต่บอสถาถูเข้ามาคุมทัพได้ดัดแปลงให้ ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมกลางตารางในชั่วข้ามคืน ใครจะเชื่อว่าเราจะพ่าย วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 ในช่วงปลายปี 2010 ต่อด้วยแพ้ให้สโมสรที่พึ่งเลื่อนชั้นอย่าง แบล็คพูล 2-1 ในบ้านตัวเอง

 ดัลกลิช ได้เข้ามากอบกู้ ลิเวอร์พูล ต่อจาก ฮอดจ์สัน แต่การกลับมาครั้งนี้ของเขาดูจะไม่ราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น แม้ ดัลกลิช จะสามารถพาทีมคว้า ลีก คัพ มาประดับสโมสรได้ก็ตาม


ยุค ร็อดเจอร์ส

LIVERPOOL, ENGLAND - Saturday, August 29, 2015: Liverpool's manager Brendan Rodgers and West Ham United's manager Slaven Bilic during the Premier League match at Anfield. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)


     เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ถือเป็นจุดเปลี่ยนแห่งยุคสมัยอย่างแท้จริง เจ้าตัวพยายามนำปรัชญาการเล่นและปลุกความเป็น เร้ดส์ แมชชีน กลับมาให้ได้อีกครั้ง

     แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำดูจะเป็นเรื่องยากที่จะปลุกยักษ์หลับและจิตวิญญาณแห่งชัยชนะกลับคืนมาได้โดยง่าย แม้ทีมของเราจะมียอดศูนย์หน้าอย่าง หลุย ซัวเรซ ก็ตาม

     แม้ ฤดูกาล 2013/14 จะเป็นซีซั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพรีเมียร์ลีกของ ลิเวอร์พูล โดยมีนักเตะมหัศจรรย์อย่าง ซัวเรซ แต่ทุกอย่างดูเหมือนเป็นแค่ภาพลวงตาหากมองถึงผลงานเมื่อซีซั่นก่อนโดยเฉพาะการถูกทีมอย่าง วิลล่า , ฮัลล์ ซิตี้, ซันเดอร์แลนด์ หรือ คริสตัลพาเลซ เข้ามาลูบคมได้โดยง่าย

 LIVERPOOL, ENGLAND - Saturday, August 29, 2015: Liverpool's Philippe Coutinho Correia looks dejected after being sent off against West Ham United during the Premier League match at Anfield. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)


     แฟนบอลยุคหลัง ๆ มองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว นับตั้งแต่ยุค ซูเนส มาจนถึงยุค ร็อดเจอร์ส ในปัจจุบัน ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่ต้องคำสาปมาอย่างยาวนาน เรากลายเป็นทีมที่แพ้ใครก็ได้ ความน่าเกรงข้ามยามมาเยือนถิ่น แอนฟิลด์ ดูกลายเป็นเรื่องหลอกเด็กสำหรับคู่แข่ง เกมพ่าย 3-0 ในนัดล่าสุดภายใต้การคุมทัพของ ร็อดเจอร์ส คือหนึ่งในเกมที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 23 ปี และคาดว่าเราจะต้องจมอยู่กับคำสาปนี้ไปอีกนานหากเรายังปล่อยให้ แอนฟิลด์ กลายเป็นสังเวียนแห่งความบันเทิงของคู่ต่อสู้..

 

ADS