หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / ใจเย็นก่อนพวก...ตีแผ่ฟอร์มหงส์ 4 เกมแรกใน 5 ฤดูกาลหลัง

ใจเย็นก่อนพวก...ตีแผ่ฟอร์มหงส์ 4 เกมแรกใน 5 ฤดูกาลหลัง

ใจเย็นก่อนพวก...ตีแผ่ฟอร์มหงส์ 4 เกมแรกใน 5 ฤดูกาลหลัง

          แน่นอนว่าหลายคนคงช็อคกับการพ่ายคาบ้านถึง 0-3 ให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และนั่นทำให้ทีมเปิดซิงพ่ายเป็นเกมแรกในฤดูกาล 2015/2016 อีกด้วย อย่างไรก็ดีความพ่ายแพ้คราวนี้อาจบ่งบอกอะไรได้หลายอย่างเกี่ยวกับความพร้อมของทีมและฟอร์มการเล่นของนักเตะ

          ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 6-7 ปีหลัง ลิเวอร์พูล มักจะมีตัวความหวังหรือตัวทีเด็ดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นช่วงพีคของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ความเฉียบคมของ เฟร์นานโด ตอร์เรส, ความเกรี้ยวกราดของ หลุยส์ ซัวเรซ และความมุทะลุของ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ โดยพวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้ที่นำความสุขมาสู่สาวก "เดอะ ค็อป" แทบทั้งนั้น ถึงคราวความหวังคนใหม่ที่จะเข้ามาทำให้ทีมเจิดจรัสได้อีกครั้ง เพียงแต่จะเป็นใครเท่านั้น?

          โดยวันนี้เราขออาสาเจาะเวลาย้อนอดีตไปดูผลงาน 4 เกมแรกของพรีเมียร์ลีกตลอด 5 ฤดูกาลล่าสุด (รวมฤดูกาลนี้) ว่าเหล่าขุนพล "เครื่องจักรสีแดง" สามารถโชว์ฟอร์มได้เข้าตาหรือไม่อย่างไร หรือว่าจะมีฤดูกาลไหนที่ดีและแย่กว่านี้อีก เราไปติดตามกันได้ที่นี่...ที่เดียวครับ ^^


ฤดูกาล 2011/2012 (ตารางเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2011)

โปรแกรม 4 เกมแรก
- (เหย้า) ซันเดอร์แลนด์ : เสมอ 1-1
- (เยือน) อาร์เซน่อล : ชนะ 2-0
- (เหย้า) โบลตัน วันเดอเรอร์ : ชนะ 3-1
- (เยือน) สโต๊ค ซิตี้ : แพ้ 0-1

          สำหรับผลงานในช่วง 4 นัดแรกในฤดูกาล 2011/2012 ต้องบอกว่าฟอร์มใกล้เคียงกับซีซั่น 2015/2016 มาก ด้วยการเก็บ 7 แต้ม (ชนะ 2, เสมอ 1, แพ้ 1) อยู่อันดับที่ 6 ซึ่งถือเป็นการออกสตาร์ทได้ดี แต่อันดับตอนจบฤดูกาลไม่สวยเหมือนตอนเริ่ม หลังหล่นรูดไปถึงที่ 8 เลยทีเดียวและมีเพียง 52 คะแนนเท่านั้น


 

ฤดูกาล 2012/2013 (ตารางเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2012)

โปรแกรม 4 เกมแรก
- (เยือน) เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน : แพ้ 0-3
- (เหย้า) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เสมอ 2-2
- (เหย้า) อาร์เซน่อล : แพ้ 0-2
- (เยือน) ซันเดอร์แลนด์ : เสมอ 1-1

          นับเป็นหนึ่งในฤดูกาลที่ออกสตาร์ทได้น่าเป็นห่วงที่สุดตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เนื่องด้วยโปรแกรมที่ค่อนข้างโหดพอสมควร ทำให้ ลิเวอร์พูล เก็บได้เพียง 2 คะแนนเท่านั้น (เสมอ 2, แพ้ 2) และรั้งอันดับ 17 ในตารางเลยทีเดียว โดยบทสรุปของฤดูกาลนั้นจบลงไปแบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น หลังคว้าอันดับ 7 มี 61 แต้ม ซึ่งมากกว่าฤดูกาลก่อนหน้าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับดีเลิศนัก


 

ฤดูกาล 2013/2014 (ตารางเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2013)

โปรแกรม 4 เกมแรก
- (เหย้า) สโต๊ค ซิตี้ : ชนะ 1-0
- (เยือน) แอสตัน วิลล่า : ชนะ 1-0
- (เหย้า) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ชนะ 1-0
- (เยือน) สวอนซี ซิตี้ : เสมอ 2-2

          คงเป็นฤดูกาลที่ "หงส์แดง" ใกล้เคียงกับคำว่า "แชมป์" มากที่สุดเลยก็ว่าได้ สำหรับการออกสตาร์ทสุดหรูเก็บ 10 แต้ม (ชนะ 3, เสมอ 1) ด้วยการไม่แพ้ใครและคงต้องยกเครดิตให้กับ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ตัดสินใจอยู่ต่อกับทีมเพราะอยากจะพาทีมไปเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แม้ว่าจะมีการติดต่อจากสโมสรอย่าง อาร์เซน่อล ก็ตาม โดยท้ายที่สุดเขาก็ทำตามสัญญาสามารถพาทีมไปเล่นในถ้วยใหญ่ยุโรปได้ ด้วยการคว้ารองแชมป์ (อันดับที่ 2) ไปอย่างน่าเจ็บใจ และเก็บได้ทั้งหมด 84 คะแนน แถมยังยิงประตูได้ถึง 101 ประตูอีกด้วย


 

ฤดูกาล 2014/2015 (ตารางเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2014)

โปรแกรม 4 เกมแรก
- (เหย้า) เซาท์แฮมป์ตัน : ชนะ 2-1
- (เยือน) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : แพ้ 1-3
- (เยือน) ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ : ชนะ 3-0
- (เหย้า) แอสตัน วิลล่า : แพ้ 0-1

          หลังจากที่ซีซั่นที่แล้วทำไว้ดีมากถึงดีที่สุด ทำให้แฟน ๆ ต่างคาดหวังไว้สูง แต่ผลงานหลังเสีย หลุยส์ ซัวเรซ ไปแล้ว กลับไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ซึ่งเก็บได้เพียง 6 คะแนน (ชนะ 2, แพ้ 2) และอยู่ถึงอันดับที่ 8 นอกจากนี้ยังจบฤดูกาลด้วยการคว้าอันดับ 6 และเก็บได้เพียง 62 แต้มไปเล่นแค่ถ้วย ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าฤดูกาลก่อนหน้าที่มี ซัวเรซ ถึง 22 แต้มเลยทีเดียว แต่โดยรวมแล้วการฝ่าวิกฤตกองหน้าไร้ประสิทธิภาพได้ขนาดนี้นับว่าโอเคแล้ว


 

ฤดูกาล 2015/2016 (ตารางเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2015)

โปรแกรม 4 เกมแรก
- (เยือน) สโต๊ค ซิตี้ : ชนะ 1-0
- (เหย้า) บอร์นมัธ : ชนะ 1-0
- (เยือน) อาร์เซน่อล : เสมอ 0-0
- (เหย้า) เวสต์แฮม ยูไนเต็ด : แพ้ 0-3

          สำหรับฤดูกาลนี้ไม่ขอพูดอะไรมากมายนัก เพราะมีหลายอย่างเกิดขึ้นกับทีมมากพอสมควร ตั้งแต่การเปลี่ยนโค้ช, เสริมทัพที่มากมายมหาศาล และการจากไปของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด แต่แล้วผลงานที่ผ่านมา 4 เกมกับ 7 แต้ม (ชนะ 2, เสมอ 1, แพ้ 1) ที่ได้ นับเป็นสถิติที่ดีแล้ว เมื่อเทียบกับฟอร์มการเล่นในแต่ละนัดที่เจียนอยู่เจียนไปแบบนี้

          หวังว่าท้ายที่สุดแล้ว เบรนแดน ร็อดเจอร์ส โคตรกุนซือหนังเหนียวจะสามารถหาจุดเปลี่ยนของทีมและพลิกชะตากลับมาสู้ต่อได้ในอีกกว่า 30 เกมที่เหลือ จากนี้อะไรจะเกิดขึ้นบ้างคงต้องติดตามกันยาว ๆ ครับ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าการแพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 0-3 จะเป็นจุดหักเหที่เลวร้ายของฤดูกาลที่กำลังฟาดแข้งกันอยู่

ADS