คุยกับ อัลดริดจ์ : ชัยชนะเหนือ สโต๊ค คือฤกษ์งามยามดีในซีซั่นใหม่

คุยกับ อัลดริดจ์ : ชัยชนะเหนือ สโต๊ค คือฤกษ์งามยามดีในซีซั่นใหม่

     การเอาชนะได้ในช่วงเวลาท้ายเกม ล้วนหวานชื่นเสมอ ใช่หรือไม่?

     ผมต้องสารภาพตามตรงเลยว่า 4 นาทีสุดท้ายที่ บริทานเนีย สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ ผมมองไม่เห็นเลยว่าจะได้ประตูยังไง ผมคิดว่าเกมนี้คงจบที่ผลเสมอกัน

     แต่มันผิดคาด!

     ลูกยิงสุดเหลือเชื่อจาก ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ มาพอเหมาะพอเจาะในเกมนี้ มันเป็นสิ่งที่จำเป็นยามที่เจอทีมที่ตั้งรับแน่นๆ และขอโอกาสทุำเกมรุกไม่กี่ครั้งเพื่อชนะ และที่สุดเราทำได้

     คูตินโญ่ โชว์ฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐานทั้งเกม จนกระทั่งมาซัดประตู และผมคงต้องบอกว่า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส คิดถูกแล้วที่ปล่อยเขาให้เล่นจนถึงนาทีสุดท้าย เพราะถ้าเขาไม่อยู่ในเกม ประตูนี้คงไม่เกิดขึ้นให้เราได้ดีใจกัน

     แม้ว่ามันจะเป็นชัยชนะที่น่าเกลียด แล้วยังไงล่ะ? นี่เป็นเกมเยือนที่หนักไม่ใช้เล่นเลย

     สโต๊ค ไม่ใช่ทีมที่คุณจะลงไปเผชิญแล้วได้เล่นแบบสวยงามกันง่ายๆ ดูอย่างสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม พวกเขาฝังเราทั้งเป็น และสู้ด้วยสไตล์ของตัวเองจนได้ผลการแข่งขันที่เหลือเชื่อ

     ดังนั้น 3 แต้มนี้ ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่เป็น 3 แต้มที่เหมือนการสตาร์ทได้ดั่งฝัน และผมคิดว่าทีมยังตอบคำถามในคำวิจารณ์ส่วนบุคคลอีก

     ไม่มีใครในทีมดีไปกว่า เดยัน ลอฟเรน เขามีช่วงเวลาที่หนักในซีซั่นก่อน และโดนคนมากมายรุมวิจารณ์ แต่เกมนี้เขาโชว์ฟอร์มออกมาได้วิเศษสุดกว่าใครๆ

     เขาทำได้ดีในการเจอกับ มาเม่ ดิยุฟ เล่นด้วยความมั่นใจ และโชคดีที่ ร็อดเจอร์ส เชื่อมั่นในตัวเขา มันน่าพอใจอย่างมากสำหรับ เดยัน

     นอกจากนั้นผมคิดว่า นาธาเนี่ยล ไคลน์ ก็เล่นด้วยฟอร์มสุดยอดในการเล่น พรีเมียร์ ลีก เกมแรกกับทีมใหม่ ความจริงผมเลือกเขาเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ในเกมนี้ ในแง่เกมรับเขาโดดเด่นมาก ไม่มีใครสามารถผ่านเขาได้ และเขายืนตำแหน่งได้เพอร์เฟกต์ มันเป็นการประเดิมที่ยอดเยี่ยมสำหรับเจ้าของค่าตัว 12 ล้านปอนด์

     ภาพรวมนี่คือการสตาร์ทที่ดูสดใส ลิเวอร์พูล เล่นได้ดูดีขึ้นในฤดูกาลนี้ และสร้างสรรค์โอกาสในเกมได้มาก

     แต่ยามที่คุณต้องเจอ สโต๊ค มันมักจะเริ่มต้นด้วยการแข่งขัน การปะทะ และเกมที่หนัก แต่ผมก็มั่นใจว่าแฟนบอลทุกคนที่ได้ไปชมเกมนี้ต้องรู้สึกเป็นล้านๆ ครั้งแน่ ว่าครั้งนี้เราเล่นได้ดีกว่านัดสุดท้ายที่ทั้งสองทีมเจอกัน

     คริสติย็อง เบนเตเก้ น่าจะทำได้ดีกว่านี้ในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล แต่ผมกลับมองเห็นอะไรมากมายในตัวเขาจากการลงสนามนัดแรก

     ฤดูกาลที่แล้วเราเห็นบอลเคลื่อนที่ไปข้างหน้าสักกี่ครั้งกัน ไม่มีใครในทีมที่เข้าปะทะในแดนหน้าแล้วชนะได้

     แต่ เบนเตเก้ เอาชนะลูกกลางอากาศแทบจะทุกจังหวะในเกมเมื่อวันอาทิตย์ และมันเยี่ยมมากที่ได้เห็นเช่นนี้

     เกมนี้ ซิมง มิโญเลต์ ก็เล่นได้ยอดเยี่ยม หลายครั้งในฤดูกาลที่แล้ว เขาดูจะลังเลใจในการเตะเปิดเกมหรือใช้เท้า เพราะเขาไม่มั่นใจว่าถ้าเตะไปใครจะเอาบอลมาได้ในแดนหน้า แต่กับ เบนเตเก้ ที่สามารถเล่นลูกโหม่งได้ดี ทำให้ มิโญเลต์ รู้ว่าทีมจะเก็บบอลได้

     นี่เป็นการเปิดฤดูกาลของ พรีเมียร์ ลีก ที่แปลกประหลาด และเมื่อคุณมองไปที่ผลการแข่งขันคู่อื่นๆ คุณคงต้องบอกว่านี่เป็นเรื่องที่ดีของ ลิเวอร์พูล!

     ฤดูกาลนี้เป็นอะไรที่แข่งขันรุนแรงมาก ดูได้จาก อาร์เซน่อล และ เชลซี ที่เสียแต้มในบ้านทั้งสองทีม

กุญแจสำคัญสำหรับ ลิเวอร์พูล คือพวกเขาได้โมเมนตัมที่ดีในการเล่นเกมต่อไปที่จะเจอ บอร์นมัธ

     เราคงจำกันได้ถึงฤดูกาล 2013-14 ซึ่งเราสตาร์ทกันได้ดี หวังว่าสิ่งเหล่านั้นมันจะเกิดซ้ำอีกครั้ง

     ผมคงต้องขอพูดถึงนักเตะดาวรุ่งคนหนึ่ง พูดถึง โจ โกเมซ ผมได้ดูเขาเล่นอย่างใกล้ชิดในช่วงปรีซีซั่น ผมได้ยินเรื่องดีมากมายเกี่ยวกับเขา จากหลายคนที่เคยดูเขาเล่นให้ ชาร์ลตัน และซัมเมอร์ที่ผ่านมา เขาก็ยังมีฟอร์มที่น่าประทับใจ

     เขาได้รับโอกาสในการเจอ สโต๊ค ด้วยฟอร์มที่ดีตั้งแต่อุ่นเครื่องที่ ออสเตรเลียและเอเชีย และผมขอบอกเลยว่า เขาไม่ได้ดูตื่นตระหนกเลยในการเล่นเกม พรีเมียร์ ลีก นัดแรก

     เขาเพิ่งอายุ 18 ปี แต่คุณต้องดูเขาเล่น เขาดูมุ่งมั่น ดูผ่อนคลายและมีคุณภาพ มันเป็นแบบทดสอบที่คู่ควรสำหรับกองหลังวัยรุ่น ในการเจอผู้เล่นจอมเก๋าอย่าง จอน วอลเตอร์ส ท่ามกลางแฟนบอลเจ้าบ้านที่พยายามทำให้คุณเสียสมาธิ จากความผิดพลาดที่ควรจะเกิดขึ้น กลับกลายเป็นเกมที่สุดยอดของเขาไปเสียได้

     เขาจะกลายเป็นอนาคตที่ยิ่งใหญ่ เขาสามารถเล่นได้หมดในแผงหลัง ดังนั้นเขาจะมีประโยชน์มากๆ ในความสารพัดประโยชน์แก่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เขาจะได้โอกาสลงสนามอีกมายในฤดูกาลนี้ ไม่มีข้อสงสัยแต่อย่างใด วัดได้จากจากเกมแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา