ถึงเวลา มาร์โควิช ฉายแสงเต็มตัว หลัง "บีร็อด" ส่งสัญญานทางบวก

ถึงเวลา มาร์โควิช ฉายแสงเต็มตัว หลัง "บีร็อด" ส่งสัญญานทางบวก

     ชัยชนะของ ลิเวอร์พูล เหนือ ไทย ออลสตาร์ 4-0 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เริ่มส่งสัญญานในทางบวกสำหรับทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีมากที่ตัวเขาจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากผู้เล่นหน้าใหม่ของทีม

     จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็ได้รับคำชื่นชมอย่างมากในการสวมปลอกแขนกัปตันเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะลูกไขว้คิลเลอร์พาสไปให้ อดัม ลัลลาน่า ซัดประตูที่ 3 ขณะที่ ดิว็อค โอริกี อดีตสตาร์จาก ลีลล์ ก็เล่นได้น่าประทับใจในการกลับมาสวมเสื้อหงส์แดงอย่างเป็นทางการ หลังใช้เวลา 1 ปีเต็มกับ ลีก เอิง ฝรั่งเศส

     แต่นอกเหนือไปกว่านั้นยังมีคนๆ หนึ่งที่หลายๆ คนลืมหน้าลืมตาไปบ้าง นั่นก็คือ ลาซาร์ มาร์โควิช ที่เร่งพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักในแมตช์ที่กรุงเทพ

     ในช่วงครึ่งแรก ร็อดเจอร์ส เริ่มสตาร์ทแผนการเล่นด้วยสูตร 4-4-2 แบบไดมอนด์ ซึ่งได้รับความนิยมใช้ในฤดูกาลที่ผ่านมา และเกมล่าสุด มาร์โควิช ก็ได้รับบทเป็นกองกลางจอมทัพหมายเลข 10

     การยืนตำแหน่งของปีกเซอร์เบีย คืออยู่ด้านหลังสองหัวหอกอย่าง ริคกี้ แลมเบิร์ต และ แดนนี่ อิงส์ โดยมีคู่กองกลางคอยประคองเกมอย่าง ชูเอา คาร์ลอส เตเซร่า และ จอร์แดน รอสซิเตอร์

     ส่วนตัวบงการเกมรับในระบบนี้ก็คือ ลูคัส เลว่า ขณะที่ โจ โกเมซ คอยดันสูงในพื้นที่แบ็กขวา ซึ่งสร้างประโยชน์ให้ มาร์โควิช เล่นได้ง่ายขึ้น 2 กองหน้าอย่าง อิงส์ ดูจะหาช่องคอยทะลุทะลวงแผงหลัง ไทย ได้ดี แต่กลับเป็น แลมเบิร์ต วัย 33 ปี ทำท่าจะเล่นไม่เข้าระบบกับเพื่อนๆ เลย จึงไม่น่าแปลกใจถ้าเขาจะโดนปล่อยออกในหน้าร้อนนี้

     จังหวะได้ประตูก็ตั้งต้นมาจาก เตเซร่า ที่ปั้นบอลจ่ายทะลุแนวรับไทยมาให้ มาร์โควิช ได้โยกหลอกโกล์ของไทย และยิงไปแบบง่ายๆ ให้ขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 3 ภาพรวมตลอด 45 นาทีที่ได้เล่นถือว่าน่าประทับใจมาก

     แต่ไม่ใช่แค่เกมรุกที่ทำได้ดี มีหลายจังหวะที่เขาถอยลงมาช่วยทีมเล่นเกมรับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คงมาจากการเล่นแบ็กในซีซั่นที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่เป็นตำแหน่งที่ไม่ถนัดเลย แต่ตอนนี้ มาร์โควิช ได้กลับมาเล่นในพื้นที่ๆ คุ้นเคย จึงเป็นโอกาสอันดีที่เขาจะได้พิสูจน์ตัวเองว่ายังมีคุณค่าอยู่ หลังเสียฟอร์มไปพักใหญ่จากผลงานปีที่แล้ว

     สมัยที่ยังอยู่ เบนฟิก้า ที่ต่อมาเขาย้ายมา ลิเวอร์พูล ด้วยราคา 20 ล้านปอนด์ มาร์โควิช คือคีย์แมนคนสำคัญของ ฮอร์เก้ เฮซุส ผู้จัดการทีมในตอนนั้น ส่วนใหญ่จะได้เล่นไม่ปีกซ้ายก็ปีกขวา รวมไปถึงการยืนอยู่หลังกองหน้า

     เฮซุส เคยบรรยายสรรพคุณของปีกผมยาวว่า "เป็นนักเตะพรสวรรค์ยิ่งใหญ่ ในขณะที่เขาเลี้ยงบอล ใครก็หยุดเขาได้ยาก"

     แม้แต่ เนมานย่า มาติช เพื่อนร่วมทีมสมัยอยู่ เบนฟิก้า ที่ตอนนี้อยู่กับ เชลซี ก็ยังอดชื่นชมไม่ได้ "เขาสามารถจะกลายมาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของยุโรปในตำแหน่งที่เขาเล่น"

     จากคำพูดของสองคนนี้ จึงพอสรุปได้ว่า ดาวเตะเบอร์ 50 จะท็อปฟอร์มก็ต่อเมื่อได้เลี้ยงบอลและเล่นในตำแหน่งที่เขาถนัด โชคร้ายที่เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในปีทีแล้วกับบทบาทวิงแบ็ก ต้องคอยยืนอยู่บริเวณแผงหลังดูแลเกมรับ มากกว่าจะได้ทะยานไปข้างหน้า

     เขาเคยได้มีโอกาสเล่นปีกอยู่บ้าง แถมทำประตูได้ด้วยในเกมที่ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 1-0 แต่ก็ยังไม่ทำให้ บีร็อด ไว้วางใจเขาอยู่ดี แต่ผลงานในเกมกับไทย บิ๊กบอสตาหวานก็ถึงกับหลุดปากชมและแสดงมุมมองใหม่ออกมาทันที

     "มาร์โควิช ได้เล่นในตำแหน่งถนัดในครึ่งแรก โดยยืนอยู่หลังคู่กองหน้า เขาทะลุทะลวงได้ดีและก็จบสกอร์ได้เฉียบขาด ผมพอใจเขามาก"

     "ปีแล้วของเขาคือช่วงเวลาให้ปรับตัวอย่างมากสำหรับดาวรุ่งคนหนึ่ง ทีมีอายุ 20-21 ปี สู่การอยู่สโมสรใหญ่ หวังอย่างยิ่งว่า ปีที่ 2 นี้เขาจะพัฒนาขึ้นมากว่าเดิม"

     ร็อดเจอร์ส เริ่มสังเกตแล้วว่า เจ้าลาซาร์ ทำได้ดีมากๆ ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก และนั่นก็บ่งถึงอนาคตที่สดใดของปีกวัย 21 ปี ที่ดีกว่าเดิม และคำพูดดังกล่าวก็นับว่าเป็นแรงกระตุ้นให้เขาเค้นฟอร์มเก่งออกมาอีกครั้งใน พรีเมียร์ ลีก

     ท่ามกลางผู้เล่นอย่าง อิงส์, โอริกี, เตเซร่า และ ไอบ์ ตัว มาร์โควิช ก็พร้อมที่จะประสมประสานกับ ลัลลาน่า, ฟิร์เมียโน่ และ คูตินโญ่ ได้อย่างไม่น่ามีปัญหา เรียกว่าปีนี้ตัวทำเกมรุกมีเพียบกว่าซีซั่นที่แล้วเยอะ

     นี่ยังไม่นับ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ที่รอวันกลับมา และกองหน้ารายใหม่ที่อาจจะซื้อเข้ามาเพิ่มอีก นี่จึงเป็นปีที่ ลิเวอร์พูล ดูน่ากลัวกว่าเดิมจริงๆ ในซีซั่น 2015-16 ที่ใกล้เข้ามาทุกที

     หลายๆ คนเชื่อว่าการขาย ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ไปให้ แมน ซิตี้ 49 ล้านปอนด์ อาจส่งผลเสีย แต่ มาร์โควิช ก็เป็นตัวแทนที่ดีไม่ต่างกัน และพร้อมที่จะเป็นทางเลือกในตำแหน่งกราบซ้ายได้เป็นอย่างดี แถมตอนนี้ดูท่า ร็อดเจอร์ส จะให้เขาเป็นคีย์แมนในช่วงปรีซีซั่นในทุกเกมตลอดทัวร์นาเม้นท์นี้เสียด้วย เรามาให้กำลังใจเขาไปด้วยกันครับ