5 สิ่งที่เกิดขึ้นหลังเกม ลิเวอร์พูล พ่าย พาเลซ 1-3 ที่แอนฟิลด์

5 สิ่งที่เกิดขึ้นหลังเกม ลิเวอร์พูล พ่าย พาเลซ 1-3 ที่แอนฟิลด์

     "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จบการแข่งขันนัดสุดท้ายที่แอนฟิลด์ได้อย่างน่าผิดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกมนัดนี้เป็นเกมสุดท้ายของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่สนามแอนฟิลด์ด้วยแต่ดันถูกทีมเยือน คริสตัล พาเลซ บุกมาคว้าชัยถึง 3-1 ปิดฉากอำลาต่อหน้า "เดอะ ค็อป" ที่เมืองลิเวอร์พูลไปแบบเซงๆ

     แม้ในครึ่งแรกทาง ลัลลานา จะยิงประตูออกนำให้ทีมไปก่อนในนาทีที่ 26 แต่ทุกอย่างกลับผลิกผันเมื่อ เจสัน พันเชี่ยน ยิงตีเสมอจากลูกฟรีคิกในท้ายครึ่งแรก และมาได้อีกสองลูกในครึ่งหลังจาก วิลเฟร็ด ซาฮา และ เกล็น มาร์รี่ย์

     คราวนี้เรามาดูกันสิว่า... มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในเกมที่ ลิเวอร์พูล พ่าย พาเลซ 1-3 ที่แอนฟิลด์ เราไปติดตามกันได้นะบัดนี้ครับ!!

1. การอำลาถิ่นแอนฟิลด์ของ เจอร์ราร์ด ไม่เป็นดั่งที่วางไว้

     ในวันนั้นมันควรจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของกัปตันผู้เป็นดั่งสัญลักษณ์ของสโมสร ห่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เราน่าจะได้เห็นบรรยากาศฉลองชัยรวมไปถึงการอำลาต่อหน้า "เดอะ ค็อป" ไปแบบสุดซาบซึ้ง

     แม้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็ดูจะเป็นไปอย่างที่คาดไว้ แต่ยังขาดความสมบูรณ์แบบในการปิดฉากที่สนามแห่งนี้พร้อมกับชัยชนะเหนือคู่แข่ง เกมนี้ดูจะเป็นงานยากที่กัปตันจะมีอิทธิพลต่อเกมหลังถูกวางตำแหน่งให้ยืนต่ำในแผงกองกลาง

     แต่ถึงกระนั้น เจ้าตัวก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถโดยเฉพาะการเชื่อมเกมกับน้อง ๆ เพื่อร่วมทีม แต่ก็ยังไม่ดีพอที่จะช่วยให้ทีมรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ในเกมนี้ได้

2. เดยัน ลอฟเรน คือปัญหาในแนวรับอีกครั้ง

     และเป็นอีกค่ำคืนที่ไม่น่าจดจำนักสำหรับฟอร์มการเล่นของ เดยัน ลอฟเรน การเซ็นสัญญาเขาในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาดูจะเป็นดีลที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจำนวนเม็ดเงินที่ทีมเสียไปเพื่อดึงตัวเขามาจาก เซาแธมป์ตัน

     ในหลายต่อหลายครั้งดูเหมือน ลอฟเรน จะมีปัญหากับการตัดสินใจในหลายๆจังหวะ บ่อยครั้งนักที่เขามักจะทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก และก็คงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเขาถึงตกเป็นเป้าวิจารณ์จากบรรดาสื่อมากมายถึงเพียงนี้

3. สเตอร์ลิง ยังคงเจอแรงต่อต้านจากปัญหาเรื่องการย้ายทีม

     ดาวรุ่งวัย 20 ปี ถือว่าทำผลงานได้น่าผิดหวังเป็นอย่างมาก เขาดูจะขาดคุณภาพไปพอสมควรและไม่สามารถสร้างพิษสงใดๆให้คูแข่งได้เลยในเกมวันนั้น อีกทั้งเจ้าตัวเริ่มแสดงออกมาโดยตลอดว่ากำลังหมดใจที่จะเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ต่อไป แถมสร้างความไม่พอใจต่อเหล่าสาวก "เดอะ ค็อป" ที่ไปให้สัมภาษณ์ผ่าน บีบีซี โดยที่ไม่หารือกับทางต้นสังกัดก่อนหน้านั้น

     และนั่นเองคือสาเหตุที่เจ้าตัวกำลังต้องเจอเสียงก่นด่าและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักไม่ว่าจะเป็นจากสื่อหรือเสียงสะท้อนจากเหล่าสาวก "เดอะ ค็อป" ดูแล้วปลายทางของ สเตอร์ลิง กับสโมสรดูจะมาถึงทางตันในเร็วๆ นี้ก็เป็นได้

4. การวางหมากของ ร็อดเจอร์ส ต้องกลับตาลปัตรอีกครั้ง

     ในช่วงที่ผ่านมาดูเหมือน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จะต้องพบเจอกับปัญหาอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านตัวผู้เล่น รวมไปถึงประเภทนักเตะที่เปรียบเสมือนจุดรวมใจของทีมยามไม่มี เจอร์ราร์ด

     เกมนี้บอสชาวไอริชได้โชว์สกิลการปรับแผนไปมาจนชวนปวดหัวอีกครั้ง ก่อนเกมจะเริ่มเขาได้ยึดระบบการเล่น 3-4-2-1 ก่อนจะปรับเปลี่ยนเป็น 4-3-3 และ 4-2-3-1 ในช่วงเวลา 90 นาที และนั่นเป็นการบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเขาแทบไม่มีความมั่นใจในแผนการเล่นที่ตระเตรียมไว้เลยแม้แต่น้อย

     จากสิ่งที่เกิดขึ้นมันอาจจะดูเป็นเรื่องยากที่ทีมจะทำผลงานได้ดียามเปลี่ยนอะไรเช่นนี้ โดยเฉพาะคุณสมบัติด้านตัวผู้เล่นที่ต้องเปลี่ยนตำแหน่งการยืนในช่วงระหว่างการแข่งขันตามเจ้านายสั่ง และบทสรุปของความไม่มีแนวทางที่ชัดเจนได้สังเวยเป็นความพ่ายแพ้ไปตามระเบียบ

5. เป็นไปได้สูงที่ทีมจะกลับไปอยู่ในจุดเดิม

     จากผลงานในตลอดซีซั่นนี้มักมีทั้งช่วงที่ทีมกำลังย่ำแย่(ฟอร์มการเล่นช่วงต้นซีซั่น) และกลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะช่วงต้นปี แต่ดูเหมือนปัญหาโดยเฉพาะในแนวรับที่มีมาตั้งแต่ซีซั่นก่อนกับดูเป็นจุดอ่อนมาจนถึงทุกวันนี้

     แม้ทางสโมสรจะลงทุนไปพอสมควรเพื่อจุดบกพร่องที่มีในทีมแต่ทุกอย่างกับไม่เป็นอย่างที่คาดไว้ มิหนำซ้ำจุดแข็งทีมเคยมีโดยเฉพาะจังหวะเข้าทำประตู ดูจะไม่มีเห็นอีกทั้งกลับกลายเป็นจุดบอดของทีมเฉกเช่นสมัยที่ ร็อดเจอร์ส เข้ามาทำทีมใหม่ ๆ และนั่นเองที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเราอาจกลับไปนั่งนับหนึ่งใหม่อีกครั้งในซีซั่นหน้า