5 ลางร้าย ส่งสัญญานส่อแวว ยูไนเต็ด จะแหกโค้งหลุดที่ 4

5 ลางร้าย ส่งสัญญานส่อแวว ยูไนเต็ด จะแหกโค้งหลุดที่ 4

     การแข่งขันในการแย่งพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โควต้าสุดท้ายอันดับ 4 ยังคงดุเด็ดเผ็ดร้อนจนถึงสิ้นฤดูกาล แม้สถานการณ์ตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีคะแนนนำเหนือ ลิเวอร์พูล อยู่ 4 คะแนน กับโปรแกรมการแข่งขันอีก 3 นัดที่เหลือเท่านั้น

     แต่ผู้นำอย่างทีมปีศาจแดง ก็กำลังอยู่ในฟอร์มขาลงอย่างเห็นได้ชัดเจน เมื่อแพ้มาแล้ว 3 เกมรวด เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี นับตั้งแต่เมื่อธันวาคม ปี 2001 และเป็นการสิ้นท่าแบบยิงประตูใครไม่ได้อีกด้วย

     วันนี้เราจะมาดู 5 ปัจจัยว่าหนทางของ ลิเวอร์พูล ยังคงพอมีความหวังอยู่เต็มเปี่ยมในพื้นที่อันดับ 4 นี้อยู่ด้วยเพราะอะไรนั้น ไปดูกันเลย

1. ยูไนเต็ด ต้องเจอโปรแกรมโคตรหินแกรนิต

     พวกเขาจะต้องเจอกับ คริสตัล พาเลซ (เยือน), อาร์เซน่อล (เหย้า) และ ฮัลล์ ซิตี้ (เยือน) ขณะที่ ลิเวอร์พูล จะต้องเจอกับ เชลซี (เยือน), คริสตัล พาเลซ (เหย้า) และ สโต๊ค ซิตี้ (เยือน)

     เชลซี ในตอนนี้ก็เพิ่งได้แชมป์ไปแล้ว ดังนั้นทำให้โอกาสในการไปเยือนเพื่อชนะย่อมเป็นไปได้มากขึ้น เพราะ มูรินโญ่ คงเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสำรองลงบ้าง ผลเสมอก็ยังเปิดกว้าง ผนวกกับทีมอย่าง พาเลซ และ สโต๊ค ก็ลอยตัวไม่ได้มีลุ้นอะไร หากเราเน้นกันจริงๆ น่าจะสามารถเอาชนะได้หมดทั้งสองทีม รวมแล้วเป็น 7 แต้ม

     พาเลซ ของ พาร์ดิว ก็กำลังอยู่ในฟอร์มรุ่งริ่งแพ้มา 3 เกมติดแบบปีศาจแดง ผิดกับ อาร์เซน่อล ที่กำลังอยู่ช่วงพีกสุกขีด แม้ว่าจะช้าเกินไปในการแซง เชลซี แต่พวกเขาก็ยังต้องการการันตีในอันดับ 2 จึงไม่ง่ายที่ ยูไนเต็ด จะเอาชนะได้

     ยิ่งไปกว่านั้น ฮัลล์ ซิตี้ ก็กำลังสู้ตายเพื่อเอาตัวรอดจากการตกชั้นในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ทีมแบบนี้มักมีพลังแฝงดังที่ ลิเวอร์พูล เคยประสบความพ่ายแพ้มาแล้ว

2. ฟอร์มเกมวันอาทิตย์สุดห่วยของ ยูไนเต็ด

     มีการเผยสถิติของ ยูไนเต็ด ในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล ที่น่าใจหายแทนจริงๆ ฮ่าๆๆๆ ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขามีปัญญาชนะแค่ 2 นัดจาก 17 เกมล่าสุดที่ลงเล่นในเกมวันอาทิตย์ นอกนั้น เสมอ 8 แพ้ 7 ล่าสุดก็เพิ่งแพ้เละตุ๊มเป๊ะต่อ เอฟเวอร์ตัน 3-0 ดังนั้นเกมเยือนของ แมน ยูไนเต็ด 2 นัดที่เหลือ คงไมได้ 6 แต้มเต็มเป็นแน่แท้

3. ข่าวร้ายในแนวรับที่เดี้ยงกระจายของผีแดง

     ข่าวดีจริงๆ ของ ลิเวอร์พูล ที่จะได้ มามาดู ซาโก้ กลับในวันอาทิตย์นี้ แต่ยังไม่คอนเฟิร์มว่าจะลงเป็นตัวจริงได้หรือไม่ สวนทางกันสิ้นเชิงกับฝั่งปีศาจแดงที่มีแนวรับเดี้ยงเพียบทั้ง จอนนี่ อีแวนส์, ลุค ชอว์, มาร์กอส โรโฮ และ ราฟาเอล คิดสภาพว่ากองหลังอย่าง คริส สมอลลิ่ง มาเจอพวกสายเลื้อยอย่าง อเล็กซิส ซานเชซ และ เมซุต โอซิล ไม่อยากนึกเลยว่าจะรอดไปได้อย่างไร

4. ไม่มี คาร์ริค ลงเล่น ยูไนเต็ด ถึงกับหงอย

     เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องลึกลับแต่อย่างใด มันคือความจริงในซีซั่นนี้ที่ว่ายามที่ แมน ยูไนเต็ด ไม่มี ไมเคิล คาร์ริค คุมในแดนกลางก็กลายเป็นทีมดาดๆ ไปในทันที ด้วยตัวเลข 72% คือทีมผีแดงชนะเมื่อมี คาร์ริค และ อีก 37% ชนะโดยไม่มี คาร์ริค

     และไม่ต้องห่วง ล่าสุดมีแถลงการณ์จาก ฟาน กัล ว่า คาร์ริค หมดสิทธ์ลงเล่นทุกเกมที่เหลือเรียบร้อยแล้ว สบายละ หงส์ เรา ...

5. รูนี่ย์ โดนวิญญานสากกะเบือเข้าสิง

     หลังเกมที่แพ้เละให้ เอฟเวอร์ตัน 3-0 ฟานกัล ก็ชักจะกังวลใจกับฟอร์มสุดย่ำแย่ของ เวยน์ รูนี่ย์ ที่ยิงประตูไม่ได้เลยใน 3 เกมหลังสุด อันนี้ยังไม่นับสถิติที่สื่อเขาวิเคราะห์ว่า รูนี่ย์ เก่งแต่ยิงใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกด้วย อีกทั้งพวก โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ หรือ ราดาเมล ฟัลเกา ก็ไม่ได้มีใครไว้ใจหรือพึ่งพาได้สักคน

     เห็นไหมว่าเรามีโอกาสดีมากขนาดนี้ ลิเวอร์พูล ต้องทำให้ดีที่สุดแล้วครับ พวกเราทีมงานสยามลิเวอร์พูล ขอเอาใจช่วยในภารกิจ Mission Impossible ครั้งนี้ต่อไป จะเป็น บาโลเตลลี่, แลมเบิร์ต หรือใครจะยิงก็ไม่สำคัญ ขอให้ได้เป้าหมาย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็พอ สู้ต่อไปทุกคน