ริคกี้ แลมเบิร์ต กองหน้าสไตล์โบราณที่ "บีร็อด" อาจมองไม่เห็นค่า

ริคกี้ แลมเบิร์ต กองหน้าสไตล์โบราณที่ "บีร็อด" อาจมองไม่เห็นค่า

     ความฝันเมื่อตอนต้นฤดูกาลของ ริคกี้ แลมเบิร์ต ในการล่าประตูให้ ลิเวอร์พูล ดูจะเลือนลางเหลือเกินในความเป็นจริง แต่ดูเหมือนว่าเจ้า แลมโบ้ จะยังมีโอกาสช่วยทีมเก็บแต้มให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากมองว่า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ทำทีว่าจะให้โอกาสพิสูจน์ตัวเอง กับจำนวนเกมที่ยังเหลืออยู่อีกไม่กี่นัด

     นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมด้วยค่าตัว 4 ล้านปอนด์ เพื่อโอกาสในการได้ทำตามฝัน ได้ย้ายมาอยู่กับทีมรักในวัยเด็ก เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากตลอดการค้าแข้ง แลมเบิร์ต เป็นจอมพเนจรตัวจริงไล่ตั้งแต่ แบล็คพูล, แม็คเคิลส์ฟิลด์, สต็อคพอร์ท, โรชเดล และ บริสตอล โรเวอร์ส แถมยังต้องทำงานในโรงงาน บีทรู้ท ในช่วงเวลาดังกล่าว

     ในความเป็นจริง แลมเบิร์ต วัย 32 ปี ผู้เติบโตจากย่าน เคิร์กบี้ แทบจะไม่ได้รับโอกาสในการเล่นเป็นตัวจริงเลยให้กับทีมรักแห่ง เมอร์ซีย์ไซด์

     แต่กระนั้นในเกมที่เปิดบ้าน แอนฟิลด์ ชนะ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส 2-1 เขาก็เพิ่งทำสถิติแอสซิสต์ครั้งแรกในฤดูกาลนี้ให้ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ จัดแจงซัดประตูเบิกร่องให้ทีม

     ว่ากันว่า แลมโบ้ กองหน้าพันธุ์โบราณที่ไม่ได้มีทักษะ, ความสร้างสรรค์ หรือเทคนิคพิเศษ ดูจะได้รับเครดิตในทีมน้อยกว่าความเป็นจริงนัก เพียงเพราะว่าจำนวนประตูที่ยิงได้อันน้อยนิดในซีซั่นนี้

     ย้อนกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคม เกมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เขาคนนี้ก็มีส่วนโหม่งประตูที่ทำให้ ปาโบล ซาบาเลต้า สกัดเข้าประตูตัวเอง

     เกม ลีก คัพ ที่พบ มิดเดิลสโบรซ์ จังหวะซัดของ แลมเบิร์ต ที่ติดบล็อคก็เด้งกลับมาเข้าทางให้ จอร์แดน รอสซิเตอร์ ไอ้หนูร่างเล็กซัดประตูขึ้นนำเข้าไป

     และแน่นอนประตูที่ เกล็น จอห์นสัน ซัดประตูชัยเฉือน สโต๊ค ซิตี้ ก็มาจากการที่ แลมเบิร์ต โหม่งไปชนคานในจังหวะแรกนั่นเอง

     ฤดูกาลที่ผ่านมา แลมเบิร์ต แอสซิสต์ ไปถึง 10 ประตูให้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน พร้อมถล่มประตูไปอีก 13 ลูก จากการลงเล่นเป็นตัวจริง 31 นัด สำรองอีก 6 นัด แต่ถ้านับทั้งปีที่แล้วก็เบ็ดเสร็จ 15 ประตู จากการลงเล่นเป็นเวลา 3,133 นาที

     กับ ลิเวอร์พูล เขาได้เป็นตัวจริงแค่ 8 นัด และสำรองอีก 18 เกม ซัดไปทั้งสิ้น 3 ประตู รวมแล้วเป็นเวลา 872 นาที น้อยมากไม่ถึง 900 นาที หรือ 9 เกมเต็มๆ เลยด้วยซ้ำ

     มีเกมล่าสุดกับ คิวพีอาร์ ที่เขาได้ลงเล่นครบ 90 นาทีเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกมที่เจ๊า ซันเดอร์แลนด์ ในบ้าน 0-0 เมื่อ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา

     ที่ผ่านมาทั้งฤดูกาลดูเหมือนว่า ร็อดเจอร์ส จะชื่นชอบในฝีเท้าของ มาริโอ บาโลเตลลี่ มากกว่า ทั้งที่ผลงานของเขาดูจะเลวร้ายยิ่งกว่ากองหน้าคนไหนๆ ในทีม หากมองในแง่โอกาสที่ได้รับ

     แถมช่วงปีใหม่ แลมเบิร์ต ก็เกือบจะโดนปล่อยให้ แอสตัน วิลล่า ไปแล้ว แต่เจ้าตัวก็ปฎิเสธและขอยืนหยัดตั้งใจจะสู้เพื่อตำแหน่งของตัวเองต่อไป ยิ่งกว่านั้นในซัมเมอร์นี้ เขาก็เป็นลิสต์ต้นๆ ที่จะโดนปล่อยออกไปจากทีม แต่กระนั้นในแง่บวก แลมเบิร์ต ยังมีโอกาสกู้ชื่อของตัวเองได้ใน 3 เกมที่เหลือนี้

     อย่างน้อยสถิติในเชิงบวกก็เกิดขึ้นเมื่อเขาได้เป็นตัวจริง แล้วทีมคว้า 3 แต้มได้เมื่อสุดสัปดาห์ ขณะที่ 2 เกมก่อนหน้านั้นที่มี บาโลเตลลี่ ลงเป็นตัวจริง ทีมฝืดถึงขนาดยิงประตูใครไม่ได้ ไม่ว่าจะ ฮัลล์ หรือ เวสต์บรอมวิช ก็ตาม

     ที่ผ่านมา แลมเบิร์ต ก็เคยออกมาบ่นๆ ถึงสถานการณ์อันย่ำแย่ของเขา หลังจากที่ตัวเองต้องหลุดจากทีม และได้แค่นั่งชมเกมอยู่บนอัฒจรรย์บ่อยครั้ง

     "ความน่าเบื่อหน่ายเหล่านี้ ทำให้ความคิดที่ผมได้ฝันไว้ในการมาร่วมทีมต้องพังทลายอย่างรวดเร็วภายในเวลาแค่ 2-3 เดือน นับตั้งแต่ผมย้ายมาร่วมทีม"

     "การที่ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ ลิเวอร์พูล ทำให้การไม่ได้ลงเล่นเป็นเรื่องที่แย่สุดๆ สำหรับตัวเอง"

     3 ประตูที่ แลมเบิร์ต ยิงได้มาจากเกมที่พบ คริสตัล พาเลซ, ลูโดโกเร็ตส์ และ แอสตัน วิลล่า และ 3 เกมที่เหลือจากนี้ที่จะต้องเจอ เชลซี, คริสตัล พาเลซ และ สโต๊ค ซิตี้ หวังว่าเขาคงได้ทำประโยชน์อะไรให้ทีมบ้างในฐานะอดีตเด็กปั้นเยาวชนของทีม แลมเบิร์ต คงไม่อยากต้องจากทีมไปโดยไมได้ฝากผลงานใดๆ ให้กับ เดอะค็อป ต้องจดจำอย่างแน่นอน พวกเราก็คงหวังไว้ไม่ต่างกัน สู้ต่อไป ริคกี้ แลมเบิร์ต