หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / 5 จุดที่ต้องพูดถึงในเกม ลิเวอร์พูล ชนะ ควีนปาร์ค 2-1

5 จุดที่ต้องพูดถึงในเกม ลิเวอร์พูล ชนะ ควีนปาร์ค 2-1

earthmomo 2015-05-05 16:26:35 ลิเวอร์พูล
5 จุดที่ต้องพูดถึงในเกม ลิเวอร์พูล ชนะ ควีนปาร์ค 2-1

5 จุดที่ต้องพูดถึงในเกม ลิเวอร์พูล ชนะ ควีนปาร์ค 2-1

     หลังจากหลุดฟอร์มช่วงที่ผ่านมา ในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็สามารถเก็บชัยและคว้าสามแต้มได้อีกครั้ง ในเกมเปิดบ้านเอาชนะ ควีนส์ ปาร์ค แรนเจอร์ส

     เกมนี้ดูมีทีท่าจะจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 จากการพลาดจุดโทษของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่โดน โรเบิร์ต กรีน กระโดดบินปัดไปได้อย่างสวยงาม แต่ถึงกระนั้นทางกัปตันวัยเก๋าของเรามาแก้ตัวได้สำเร็จจากการขึ้นโขกในช่วงท้ายเกมพาทีมเก็บสามแต้มได้อย่างสวยงาม

     แต่รายระเอียดในเกมนี้มีจุดที่น่าสนใจจนต้องยิบยกมาพูดถึงไม่น้อย และถือเป็นสิ่งสำคัญที่เราสามารถเรียนรู้จากชัยชนะนัดนี้ได้

 


1. การเลือกทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส

BLACKBURN, ENGLAND - Wednesday, April 8, 2015: Liverpool's manager Brendan Rodgers against Blackburn Rovers during the FA Cup 6th Round Quarter-Final Replay match at Ewood Park. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

     ก่อนเกม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ดูจะกลุ่มใจกับการเลือกผู้เล่นไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการปรับตำแหน่งให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ริคกี้ แลมเบิร์ต และ อดัม ลัลลานา ลงสนามเป็นตัวจริงแทน โจ อัลเลน มาริโอ บาโลเตลลี่ และ จอร์ดอน ไอบ์

     ที่ผ่านมาทางสโมสรต้องเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมายโดยเฉพาะการจัดตัวผู้เล่น แต่ในเกมนี้บอสตาหวานกลับเลือกเปลี่ยนผู้เล่นชุดเดิมจากนัดที่แล้ว โดยเฉพาะการเลือก ลัลลานา ลงมาสร้างสรรค์เกมในตำแหน่งปีกซ้าย และเจ้าตัวก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ

 


2. สตีเว่น เจอร์ราร์ด ผู้ปลุกทีมกลับสู่ชัยชนะอีกครั้ง

LIVERPOOL, ENGLAND - Saturday, May 2, 2015: Liverpool's captain Steven Gerrard in action against Queens Park Rangers during the Premier League match at Anfield. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

     แม้ในเกมนี้มีแนวโน้มสูงที่ทั้งคู่จะจบลงด้วยผลเสมอ โดยเฉพาะการพลาดจุดโทษของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่ากัปตันวัยเก๋ารายนี้เป็นผู้ปลุกความหวังให้ทีมกลับมาคว้าชัยได้โดยแท้

     นอกจากเขาจะเป็นผู้พาทีมเก็บชัยได้อีกครั้งนับตั้งแต่ฟอร์มหลุดจาก 2 เกมที่ผ่านมา แต่ เจอร์ราร์ด ได้สร้างความหวังให้แก่ทีมอีกครั้ง เพื่อกลับมาลุ้นพื้นที่ แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้โอกาสจะมีไม่มากจากการเหลือ 3 เกมในลีกให้ได้ลงเล่น

 


3. ริคกี้ แลมเบิร์ต ทำได้ดีกว่า มาริโอ บาโลเตลลี่?

LIVERPOOL, ENGLAND - Saturday, October 4, 2014: Liverpool's Rickie Lambert in action against West Bromwich Albion during the Premier League match at Anfield. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

     แลมเบิร์ต ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงแทน บาโลเตลลี่ ที่มีอาการบาดเจ็บ และดูเหมือนเจ้าตัวทำได้ดีโดยเฉพาะช่วงต้นเกมที่เขาเป็นคนจ่ายบอลสุดงามให้ คูตินโญ่ ยิงประตูพาทีมออกนำ

     ยิ่งมีโอกาสลงสนามร่วมกับคู่หูอย่าง ลัลลานา ยิ่งทำให้เขาเล่นได้ง่ายขึ้นและสามารถโชว์ศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการมี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ราฮีม สเตอร์ลิง และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ คอยซัพพอร์ตอยู่ด้านหลัง

 


4. อดัม ลัลลานา พิสูจน์ให้เห็นถึงคลาสในตำแหน่งแดนกลาง

LIVERPOOL, ENGLAND - Sunday, March 1, 2015: Liverpool's Adam Lallana celebrates his side's 2-1 victory over Manchester City during the Premier League match at Anfield. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

   

     เกมนี้ถือเป็นเกมแรกที่เขาได้สตาร์ทเป็นตัวจริงตั้งแต่ต้นเกม นับจากสลัดเดี้ยงในช่วงที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้เขามักจะโชคร้ายโดยเฉพาะช่วงต้นฤดูกาล ผลพวงจากอาการบาดเจ็บในช่วงเปิดซีซั่นทำให้เขาถูกโจมตีไม่น้อยถึงความคุ้มค่าที่ทีมต้องเสียถึง 25 ล้านปอนด์ ให้อดีตต้นสังกัดอย่าง เซาร์แธมป์ตัน

     แต่ถึงกระนั้น ลัลลานา มักจะเป็นตัวเลือกแรกของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เสมอหากเขาอยู่ในสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ และเกมนี้ยังคงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าทักษะในเชิงฟุตบอลของเขา ทำให้ทีมมีความหลากหลายในจังหวะเข้าทำพอสมควร อีกทั้งการเชื่อมเกมจากแดนกลางไปสู่แดนหน้าก็ดูจะไหลลื่นจนไร้ที่ติเลยจริง ๆ

 


5. ราฮีม สเตอร์ลิง ตกเป็นเป้าโจมตีอีกครั้งจากปัญหาอนาคตกับสโมสร

MANCHESTER, ENGLAND - Monday, August 25, 2014: Liverpool's Raheem Sterling looks dejected after missing a chance against Manchester City during the Premier League match at the City of Manchester Stadium. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

     

     ก่อนหน้านี้ สเตอร์ลิง เคยออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับอนาคตผ่านสื่อ บีบีซี จนสร้างความไม่พอใจต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในสโมสร ลิเวอร์พูล หลังจากมีกระแสข่าวหลุดออกมาโดยตลอด ได้ส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของเจ้าหนูวัย 20 ปีรายนี้อย่างปฎิเสธไม่ได้

     ฤดูกาลนี้ สเตอร์ลิง ได้กลายเป็นตัวความหวังของทีมแทนที่ หลุยส์ ซัวเรซ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บวกกับความร้อนแรงและเป็นนักเตะที่ทีมขาดไม่ได้ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้กระแสข่าวการย้ายไปค้าแข้งกับสโมสรอื่นยิ่งหนาหูออกมาเรื่อย ๆ

     และเห็นได้ชัดในเกมนี้ ความมุ่งมั่นยามอยู่ในสนามของ สเตอร์ลิง นั้นดูจะถดถอยลงไปเมื่อเทียบกับนักเตะรายอื่น และสิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้เขาตกเป็นเป้าโจมตีจากหลาย ๆ ฝ่าย เมื่อได้ชมการแข่งขันในเกมดังกล่าว

 

 

ADS