พรีวิว พรีเมียร์ ลีก ลิเวอร์พูล -vs- ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส

พรีวิว พรีเมียร์ ลีก ลิเวอร์พูล -vs- ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส

วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม 2015 เวลา 21.00 น.

สนาม แอนฟิลด์

ถ่ายทอดสดช่อง CTH Stadium 2

ผู้ตัดสิน มาร์ติน แอตกินสัน

     เกมที่ แอนฟิลด์ 3 ทุ่มตรงคืนนี้จะเป็นการโคจรมาเจอกันของสองทีมที่กำลังฟอร์มตกต่ำ ทีมหนึ่งต้องการ 3 แต้มเพื่อรักษาความหวังไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า ส่วนทีมหนึ่งก็ต้องการบุกมาเอาชนะเพื่อหนทางในการหนีตกชั้น ชะตากรรมของทั้งคู่จะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับผลงานในวันนี้ น่าจะบอกถึงจุดหมายปลายทางของซีซั่นทั้งสองทีมอย่างแน่นอน ใครจะสมหวังหริอผิดหวัง เดี๋ยวได้รู้กันแน่

สภาพทีมล่าสุด : ลิเวอร์พูล

     จอน ฟลานาแกน เตรียมต้องพักรักษาตัว 6- 9 เดือน หลังเตรียมผ่าตัดหัวเข่ารอบที่ 3 ขณะที่ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ก็หมดสิทธิ์เล่นทั้งฤดูกาลแล้ว จากการถูกส่งตัวไปยังอเมริกาเพื่อผ่าตัดสะโพก ด้าน มามาดู ซาโก้ และ มาริโอ บาโลเตลลี่ ยังคงรักษาตัวต่อไป แต่มีข่าวดีคือการกลับมาของ ลูคัส เลว่า ที่หายเจ็บน่อง ทั้งนี้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส พร้อมให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ ริคกี้ แลมเบิร์ต ลงเล่นเป็น 11 ตัวจริงในเกมนี้

สภาพทีมล่าสุด : ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส

     ฝั่งทีมเยือน อาร์กม็อง ตราโอเร่, เอดูอาร์โด้ วาร์กาส และ อเลฮานโดร ฟานอูลิน ยังคงต้องรักษาอาการเจ็บในระยาว ขณะที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เมาโร ซาราเต้ ยังต้องประเมินความฟิตขั้นสุดท้ายว่าจะพร้อมเล่นหรือไม่ แต่ยังมีความหวังในด้านของ บ๊อบบี้ ซาโมร่า ที่ทีมแพทย์กำลังคาดหวังว่าเขาจะผ่านฟิต เพื่อประสานงาน ชาร์ลี ออสติน ในแดนหน้าอีกครั้ง

คีย์แมน

ลิเวอร์พูล : ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

     ดาวเตะแซมบ้าเพิ่งติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ แม้จะถูกครหาว่าไม่ดีพอก็ตาม แต่ถ้าพูดถึงความสำคัญของ คูตินโญ่ ที่มีกับ ลิเวอร์พูล อันนี้ไม้ต้องสงสัยแน่นอน แม้จะไปแค่ 4 แอสซิสต์ทั้งซีซั่น แต่ก็สร้างสรรค์โอกาสไปมากถึง 48 ครั้ง เพียงแต่กองหน้าจบสกอร์กันไมได้เอง

     เขามีความสามารถในการลากเลื้อยฝ่าแนวรับ 3-4 คนได้สบายๆ ซึ่งจะตามมาด้วยพื้นที่ว่างให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้มีจังหวะทำประตู นอกจากนั้นยังสามารถทำสิ่งที่เหลือเชื่อได้เสมอในจังหวะที่ไม่น่ามีอะไร คืนนี้อัจฉริยะคนนี้พร้อมแล้วที่จะเช่นนั้นอีกครั้ง

ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส : ชาร์ลี ออสติน

     หัวหอกหนึ่งเดียวผู้เป็นความหวังทุกสิ่งอย่างของ ควีนปาร์ค ในฤดูกาลนี้ ยิงประตูเป็นว่าเล่นเพื่อพาทีมหนีรอดตกชั้นให้ได้ แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาก็เพิ่งซัดลูกโทษพลาดเป้าไปอย่างน่าเสียดาย ออสติน คือกุญแจสำคัญในการเอาชนะแนวรับของ ลิเวอร์พูล ที่มีสถิติไม่เสียประตูไปแล้ว 14 นัดในซีซั่นนี้

     ด้วยผลงานส่วนตัวที่กระหน่ำ 17 ประตู และ 4 แอสซิสต์ ยิ่งถ้าหาก ซาโมร่า ฟิตพร้อมลงเล่นละก็ อันตรายของแนวรับเจ้าบ้านเกิดขึ้นแน่ๆ เพราะทุกแต้มมีความหมายสำหรับทีมของเขาในนาทีนี้

วาทะก่อนเกมของผู้จัดการทั้งสองทีม

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส

     "จบฤดูกาลนี้คุณต้องเตรียมตัวปรับปรุงทีม ผมเคยพูดแล้วว่าเรายิงประตูกันได้น้อยในฤดูกาลนี้ ไม่ใช่เพราะกองหน้า แต่เป็นเรื่องของทั้งทีม ไม่ว่าปีก, มิดฟิลด์, กองหลัง พื้นที่เหล่านี้เราต้องการปรับปรุง ผมรู้ดีในโมเดลนี้ 100 เปอร์เซนต์ เรามีทีมที่ดีมากๆ เรายังสามารถพัฒนาให้ดีได้อีกครั้ง"

คริส แรมซี่ย์

     "ผมชอบจริงๆ ที่ เบรนแดน กำลังถูกกดดันในตอนนี้ ผมไม่รู้หรอกว่าคุณทำงานกันอย่างไร เขาอยู่กับสโมสรใหญ่ เขาทำงานได้ดีมากๆ 3 เดือนก่อนเขายังเป็นจอมแท็คติกอัจฉริยะอยู่เลย คุณไม่สามารถเป็นผู้จัดการที่แย่ในชั่วข้ามคืนหรอก เราเข้าใจดีถึงความกดดันนั้น เพราะพวกเขาคือทีมใหญ่ที่มีความคาดหวังสูง แต่เราก็กดดันมากเช่นกันเพราะไม่อยากร่วงตกชั้น มันเป็นเรื่องใหญ่มาก"

ฟอร์มการเล่น

     ลิเวอร์พูล แพ้เพียงแค่นัดเดียวเท่านั้นในการเล่นเกม พรีเมียร์ ลีก 11 นัดหลังสุดที่ แอนฟิลด์ (ชนะ 7, เสมอ 3 , แพ้ 1) แต่กระนั้นทีมก็ยิงประตูไม่ได้เลยในลีกมา 2 นัดติดต่อกันแล้ว ขณะที่แขกรับเชิญอย่าง ควีนส์ปาร์ค ชนะแค่ 2 เกมจาก 17 นัดหลังสุดในลีก (เสมอ 4, แพ้ 11)

ประวัติการพบกัน

     22 นัดที่เจอกันที่บ้านของ ลิเวอร์พูล หงส์แดงฟาดชัยชนะไปมากถึง 19 ครั้ง แถม คูตินโญ่ ก็มีสถิติที่ดีมากในการยิง ควีนส์ปาร์ค ไปแล้ว 2 ประตูจาก 2 หนที่พบกัน

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

ลิเวอร์พูล : มิโญเลต์, จัน, สเคอร์เทล, ลอฟเรน, โมเรโน่, เฮนเดอร์สัน, เจอร์ราร์ด, ลูคัส, , คูตินโญ่, สเตอร์ลิ่ง, แลมเบิร์ต

ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส : กรีน, โอนูโอฮา, ดันน์, คอลเกอร์, ฮิลล์, ฟิลลิปส์, บาร์ตัน, ซานโดร, เฮนรี่, เฟอร์, ออสติน

ทรรศนะ SIAMLIVERPOOL

      แม้จะมีข่าวคราวว่าภายในทีมยังพยายามดิ้นรนจะเก็บแต้มให้ได้มากที่สุด เพื่อรักษาความหวังในการไล่จี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่อยู่ในอันดับ 4 ห่างกันอยู่ 7 แต้ม ก็จริง แต่ในทางปฎิบัตินับว่าแทบเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะแซงได้ ดูจากการจัด 11 ตัวจริงที่ให้ แลมเบิร์ต และ เจอร์ราร์ด ลงน่าจะหมายถึงการให้โอกาสผู้เล่นสำรองใน 4 เกมที่เหลือ แต่การมาเจอ ควีนส์ปาร์ค ที่สู้ทุกหยด และคาดว่าจะมาเล่นเกมรับเต็มตัวเพื่อ 1 แต้มไว้ก่อน ทำให้เกมน่าจะอึดอัดมากพอควร ดาวยิงอย่าง ออสติน ก็มีสถิติยิงตรงกรอบที่ดีมากๆ ดังนั้นสกอร์ที่เกิดขึ้นอาจมีประตูเดียวตัดสินเกม ทั้งนี้ยังเชื่อว่าเจ้าบ้านที่ครองเกมได้มากกว่า น่าจะปิดสกอร์ได้สัก 1 เม็ด ในช่วงใดช่วงหนึ่งของเกมนี้

ฟันธง : ลิเวอร์พูล ชนะ 1-0