หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / ผ่าฟอร์มนักเตะ "หงส์" 3 ยอดเยี่ยมกับ 3 ยอดแย่ เกมเผา "กุหลาบไฟ"

ผ่าฟอร์มนักเตะ "หงส์" 3 ยอดเยี่ยมกับ 3 ยอดแย่ เกมเผา "กุหลาบไฟ"

ผ่าฟอร์มนักเตะ หงส์ 3 ยอดเยี่ยมกับ 3 ยอดแย่ เกมเผา กุหลาบไฟ

     หลังจากคว้าชัยในศึกเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดรีเพลย์ เหนือแบล็คเบิร์น 1-0 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา แม้จะทำประตูได้เพียงลูกเดียว แต่ลิเวอร์พูลก็ได้คืนฟอร์มดีนำชัยชนะมาสู่ทีมได้อีกครั้ง ซึ่ง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จะต้องมีความสุขกับฟอร์มการเล่นของทีม ด้วยเกมรุกอันวูบวาบและการครองบอลที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด

     ประตูโทนจาก ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ พา "หงส์แดง" ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศที่เวมบลีย์ โดยต้องทำศึกกับแอสตัน วิลล่าในวันอาทิตย์หน้า และแน่นอนว่าในเกมกับ "กุหลาบไฟ" ใช่ว่าจะทำหน้าที่ได้ดีกันทุกคน เรามาดูกันดีกว่าว่าในแต่ละตำแหน่ง นักเตะคนไหนที่เล่นได้น่าประทับใจ และคนไหนที่เล่นได้อย่างน่าผิดหวัง ตามไปดูกันเลย

 

ฟอร์มเยี่ยม - เดยัน ลอฟเรน

 

 

     หลังจาก โคโล่ ตูเร่ โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าระทมใจในเกมกับอาร์เซนอลเมื่อวันเสาร์ ไม่มีอะไรต้องเซอร์ไพรส์เลยว่าลอฟเรนต้องได้ลงทำหน้าที่แทนกองหลังจอมเก๋าชาวไอวอรี่ โคสต์แน่ๆ แถมยังทำหน้าที่ได้อย่างน่าประทับใจอีกด้วย

     ลอฟเรน เอาชนะการดวลกลางอากาศ 6 ครั้ง และเคลียร์บอลสำเร็จ 8 ครั้ง จัดการเก็บ จอร์แดน โร้ดส์ เสียอยู่หมัด และน่าจะได้จองสัมปทานทำหน้าที่แทนมาร์ติน สเคอร์เทล ในแดนหลังไปจนถึงเกมมันเดย์ ไนท์กับนิวคาสเซิล

     สิ่งที่ดูน่าประทับใจมากที่สุดคือการที ลอฟเรนรักษาความมั่นคงในแนวรับไว้ได้ แม้จะมีการเปลี่ยนคู่หูในแดนหลังจาก มามาดู ซาโก้ ไปเป็นตูเร่ในนาทีที่ 27

 

ฟอร์มแย่ - มามาดู ซาโก้

 

 

     ซาโก้ต้องเจอกับปัญหาอาการบาดเอ็นหลังหัวเข่าก่อนเข้าครึ่งชัวโมงแค่นิดเดียว คงเป็นเรื่องน่าผิดหวังสำหรับแฟนลิเวอร์พูล ถ้าหากเขาได้ลงเล่นจนจบเกม

     ความผิดพลาดที่เกือบนำไปสู่การเสียประตูของเขาคือการบังบอลในกรอบเขตโทษ แล้วถูกโร้ดส์ปาดหน้าฉกไปยิงในช่วงต้นเกม แต่โชคดีที่ยังตามไปสกัดบอลไว้ได้ทัน และตลอดเวลาที่เขาลงสนาม เห็นได้ชัดว่าเขาแทบจะรับมือกับ เคร้ก คอนเวย์ ไม่ได้เลย

     นอกจากนี้สถิติหลังเกมของเขา มีการจ่ายบอลแม่นยำเพียงแต่ 74.3 เปอร์เซนต์เท่านั้น ช่างหน้าผิดหวังเสียเหลือเกินเมื่อทำไปเทียบกับสถิติตลอดทั้งฤดูกาลที่ทำได้ถึง 89.5 เปอร์เซนต์

 

ฟอร์มเยี่ยม - โจ อัลเลน

 

 

     แม้จะไม่ได้รับคำชมอย่างแพร่หลาย แต่โจ อัลเลนก็โชว์ฟอร์มในแดนกลางได้อย่างมีหลัง ช่วยให้ลิเวอร์พูลเดินไปสู่ก้าวย่างที่สำคัญในถิ่นอีวู้ด ปาร์ค

     กองกลางวัย 25 ปี ทำบทบาทมิดฟิลด์ บ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ เคียงข้าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้อย่างดีเยี่ยม ขณะที่ ลูคัส เลว่า ก็เป็นตัวตัดเกมชั้นดี ยืนตำแหน่งได้อย่างมั่นคงและคอยฉกฉวยบอลจากคู่แข่ง

     นอกจากนี้อัลเลนยังสนับสนุนเกมรุกได้อย่างดีอีกด้วย จ่ายบอลสำคัญ 2 ครั้ง เป็นรองเพียงแค่คู่หูในแดนกลางอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คนเดียวเท่านั้น

 

ฟอร์มแย่ - แดเนียล สเตอร์ริดจ์

 

 

     สเตอร์ริดจ์ ขาดการสนับสนุนจากเพื่อนในแนวรุกอย่าง คูตินโญ่ และราฮีม สเตอร์ลิ่ง กลายเป็นว่าเขาต้องถูกบีบบังคับให้ลงต่ำเพื่อหาบอลมากกว่าที่เคย แต่โดยรวมแล้วก็คงต้องบอกว่าศูนย์หน้าจอมเซิ้งรายนี้เล่นได้อย่างน่าผิดหวัง

     การเคลื่อนไหวแบบไม่มีแรงบันดาลใจ ครองบอลแบบทื่อๆ แต่ยังคงโดดเด่นในเรื่องของความเร็ว อย่างไรก็ตามเขายังคงต้องดิ้นรนหาฟอร์มเก่งต่อไป

     สถิติในเกมนี้ของเขา จับบอลพลาดไปถึง 5 ครั้ง และยังสูญเสียการครองบอลไปอีก 4 ครั้ง มากกว่าทุกคนบนสนามในเกมนี้

 

ฟอร์มเยี่ยม - คูตินโญ่

 

 

     เป็นเกมที่แปลกไปสำหรับคูตินโญ่ ที่ต้องลงเล่นในตำแหน่งที่ปีกขวาไม่ใช่ธรรมชาติของเขา หลังจากพิสูจน์ตัวเองแล้วว่ามีอิทธิพลสำคัญต่อทีมในเกมเล่นเป็นมิดฟิลด์เบอร์ 10 แต่ก็ยังทำได้ดีเช่นเคยกับแผน 4-3-3 ของเบรนแดน ร็อดเจอร์ส

     ในบทบาทด้านกว้าง คูตินโญ่เคลื่อนไหวไปมาทั้งฝั่งซ้ายและขวา และตัดเข้ากลางหาโอกาสยิงประตูตรงกรอบได้ถึง 6 ครั้ง และไล่บอลสูงกดดันแบล็คเบิร์นได้อย่างดี นอกจากนี้ยังเข้าปะทะสำเร็จถึง 4 ครั้ง มากกว่าผู้เล่นคนอื่นของลิเวอร์พูลทุกคน

     ความฉลาดในการเล่นที่เป็นเครื่องหมายทางการเล่นของเขาพาทีมประสบความสำเร็จด้วยช่วงเวลาแห่งคุณภาพอย่างแท้จริง ลูกทำชิ่งหนึ่ง-สอง ตามด้วยลูกยิงอันประณีตเป็นของขวัญนำชัยมาสู่ลิเวอร์พูล เรียกเสียงเฮจากแฟนบอลได้ในช่วงท้ายเกมหลังจากนั่งเงียบกันไปนาน

 

ฟอร์มแย่ - อัลแบร์โต้ โมเรโน่

 

 

     จากการเสียประตูทั้งในเกมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับอาร์เซนอล ในลีก 2 นัดที่ผ่านมา แน่นอนฟอร์มไม่สู้ดีนักของโมเรโน่ในตำแหน่งวิงแบ็ค เป็นเหตุที่ว่าทำไมร็อดเจอร์สจึงเปลี่ยนระบบไปเล่นกองหลัง 4 คนในเกมกับแบล็คเบิร์น

     น่าดีใจที่ในครึ่งแรกในถิ่นอีวู้ด ปาร์ค โมเรโน่ดูเหมือนจะพัฒนาขึ้น เอาชนะการเข้าปะทะสามครั้ง และขยันเติมเกมสูงอยู่ตลอด ช่วยรักษาโมเมนตั้มที่ดีให้กับลิเวอร์พูล

     อย่างไรก็ตามหนุ่มน้อยชาวสเปนวัย 22 ปี สูญเสียความโดดเด่นไปหลังจากช่วงพักครึ่ง และมีส่วนร่วมเล็กน้อยกับประตูนำชัยของ "หงส์แดง" แต่ทว่าโมเรโน่มีสถิติการสัมผัสบอลแค่ 55 ครั้ง น้อยกว่าผู้เล่นของลิเวอร์พูลทุกคนที่ลงเล่นครบ 90 นาที

ADS