คะแนนความสามารถ เอฟเอ คัพ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-1 ลิเวอร์พูล

คะแนนความสามารถ เอฟเอ คัพ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-1 ลิเวอร์พูล

ซิมง มิโญเล่ต์ 8/10

     เกมนี้เขาโชว์ซูเปอร์เซฟสุดสวยถึง 3 ครั้งชัดๆ ซึ่งมาจากต้นครึ่งหลังถึง 2 หน เหนียวหนึบตั้งแต่เริ่มเกมจนจบ ช่วยให้ผู้มาเยือนเก็บชัยพร้อมรักษาคลีนชีทได้สำเร็จ

เกล็น จอห์นสัน 7/10

     กลับมายืนตำแหน่งแบ็กขวาอย่างเซอร์ไพรส์ ดันสูงเติมเกมรุกได้พอใช้เมื่อได้โอกาส และก็คุมเกมรับได้แจ๋วเช่นกัน

เดยัน ลอฟเรน 7/10

     นี่ก็อีกคนที่ได้โอกาสแบบเดียวกับ จอห์นสัน กองหลังชาวโครเอเชียเริ่มกลับมาช่วยเกมรับด้วยการเล่นแบบง่ายๆ และผลตอบแทนก็คือแผงหลังที่แข็งแกร่ง

มามาดู ซาโก้ 6/10

     เหมือนจะมีอาการบาดเจ็บรบกวนในการยืนแผงแบ็คโฟร์คืนนี้ ก่อนจะต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไปพักเพราะทนเจ็บไม่ไหว ตั้งแต่กลางครึ่งแรก

อัลแบร์โต้ โมเรโน่ 6/10

     ฟอร์มดูดีขึ้นกว่าเกมก่อนๆ ในช่วงที่ผ่านมา เริ่มรู้จังหวะเติมเกมรุกเท่าที่จำเป็น และพยายามเล่นบอลให้ง่ายขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

ลูคัส เลว่า 7/10

     เล่นได้ตามแผนที่เตรียมมาตามบทบาทของตัวเอง มิดฟิลด์แซมบ้าช่วยได้ดีในการทำลายเกมรุกของ แบล็คเบิร์น และไล่กวาดบอลได้ครอบคลุมทั้งสนาม

โจ อัลเลน 7/10

     เริ่มต้นในเกมนี้อย่างเชื่องช้า ก่อนที่กองกลาง เวลช์แมน จะช่วยให้เกมของ ลิเวอร์พูล ดูดีขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งชัดเจนมากขึ้นในช่วงเวลาของ 45 นาทีในครึ่งหลัง

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 7/10

     ได้กลับมายืนตำแหน่งมิดฟิดล์ตัวกลาง และก็ส่งผลให้เขามีอิทธิพลพอสมควรในคืนนี้ กัปตัน เฮนโด้ มีส่วนร่วมมากในการเซตเกมรุก รวมไปถึงจังหวะได้ประตูชัย

ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ 8/10

     เป็นความเหมาะเจาะก่อนได้สับไกยิงประตูชัย เมื่อ จอห์นสัน ยืนค้ำไลน์พอดี ทำให้แมตช์วินเนอร์คืนนี้อย่างเขา ได้เลี้ยงตัดเข้าใน ก่อนลงโทษด้วยการยิงมุมแคบเข้าไปให้ทีมเข้ารอบ

ราฮีม สเตอร์ลิง 8/10

     โดนแฟนบอลทั่วโลกรุมสวดรุมด่ามาต่อเนื่องในระยะหลัง แต่คืนนี้ก็สยบปากคำวิจารณ์ทั้งหมดด้วยฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจอย่างแรง ในการเล่นในพื้นที่ทางกราบซ้าย

แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ 5/10

     น่าผิดหวังเหลือเกินสำหรับพ่อเต้ยโศก ในฐานะดาวยิง หายไปหมดทั้งความเฉียบคมและระดับความฟิตที่ยังห่างไกลกับฟอร์มที่เคยเป็นมาในอดีต

โคโล่ ตูเร่ (แทน ซาโก้ นาที 27) 7/10

     ยังคงสะเพร่าเหมือนเกมที่ เอมิเร็ตส์ สเตเดี้ยม ลนลานและไม่ค่อยนิ่งเท่าไรสำหรับจอมเก๋าชาวไอวอเรี่ยน โดยเฉพาะยามที่ถูกเจ้าบ้านกดดันจนออกบอลมั่วซั่วให้เสียวไส้กองเชียร์

ริคกี้ แลมเบิร์ต (แทน สเตอร์ริดจ์ นาที 85) ไม่มีคะแนน

     มีเวลาเพิ่มสกอร์ให้ทีมน้อยไป แม้ว่าเกือบจะได้ลองยิงประตูจากการจับบอลครั้งแรกเลยก็ตาม