- สล็อตเว็บตรง
- https://track21houston.com/
- สล็อตเว็บตรง
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย : เกิดอะไรในปีถัดไปหลังจบอันดับสองถึงสามครั้ง!!
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย : เกิดอะไรในปีถัดไปหลังจบอันดับสองถึงสามครั้ง!!
เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านอาจจะลืมไปแล้วนะครับ ว่าครั้งหนึ่งทีมของเรานั้นเคยใกล้เคียงกับตำแหน่งอันดับหนึ่งและจบด้วยการคว้าแชมป์ลีกมาแล้วถึง 3 ครั้งในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!! นะครับว่าในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ทีมเราดูเหมือนจะไปมาถูกทางและไปด้วยไม่น้อย หลังเคยใกล้เคียงกับตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ที่บรรดาเหล่า "เดอะ ค็อป" ต่างใฝ่ฝันว่าเราจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่มักจะเกิดปัญหาเสียทุกทีว่าทำไมเราถึงหยุดอยู่กับที่และถอยหลังลงคลองในซีซั่นถัดไป
ในแต่ละยุคที่อดีตผู้จัดการทีมของต่างเจอปัญหา แต่ละยุคสมัยมักเจอปัญหาที่แตกต่างกัน และดูเหมือนจะเกิดขึ้นอีกครั้งเป็นครั้งที่ 3 ในยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่ดูท่าจะคว้าน้ำเหลวในซีซั่น 2014/2015 แม้ปีที่แล้วทีมเราเพิ่งจะสร้างปรากฎการณ์และมีซีซั่นที่แสนน่าทึ่งก็ตาม และนี่เองคือเหตุผลว่าทำไมสโมสรมักเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้งอย่างไม่น่าจะเกิด!!
ฤดูกาล 2002-03 ยุค เชราร์ อุลลิเย่ร์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ลิเวอร์พูล จบฤดูกาลเป็นอันดับ 2 และมีแต้ม 80 คะแนน ในปีนั้นทัพ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล เป็นทีมที่สามารถเถลิงบรรลังก์แชมป์ได้สำเร็จ แต่ฤดูกาลถัดมาพวกเขากับมีผลงานที่ย่ำแย่และจบอันดับ 5 โดยมีคะนนเพียง 64 คะแนนเท่านั้น
สาเหตุที่เกิดขึ้น
การสูญเสีย นิโกล่าส์ อเนลก้า ถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทีมมีปัญหาเรื่องการจบสกอร์ แม้พวกเขาจะเร่งเครื่องขึ้นมาได้ในช่วงท้ายซีซั่น แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยทีมไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นถัดไปได้
ความล้มเหลวในตลาดซื้อขาย
ดิยุฟ ถือเป็นการซื้อตัวที่เลวร้ายที่สุดคนนึงในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ ในยุคนั้นสโมสร ลิเวอร์พูล เคยมีโอกาสคว้าตัว คริสเตียโน โรนัลโด้ โยกมาค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ แต่พวกเขาดันเลือกนักเตะอย่าง ดิยุฟ เข้ามาแทน
เรื่องนอกสนาม
ณ ขณะนั้น เชราร์ อุลลิเย่ร์ ต้องเข้ารับการผ่าตัดจากปัญหาโรคหัวใจของเขา และปฎิเสธไม่ได้ว่ามันได้ส่งผลกระทบต่อสโมสรพอสมควร แถมผู้เล่นในทีมทางนัดกันฟอร์มตกทำให้อะไร ๆ ในสโมสรดูแย่ไปตาม ๆ กัน
ความคาดหวัง
ลิเวอร์พูล ได้ใช้เม็ดเงินลงไปพอสมควรเพื่อเสริมความแข็งแกร่งภายในทีม และตัวผู้เล่นที่ถูกนำเข้ามาใหม่ไม่สามารถปรับตัวกับสไตล์การเล่นโต้กลับเร็วของ อุลลิเย่ร์ และความสามารถดูจะไม่ใกล้เคียงกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ ไมเคิ่ล โอเว่น แม้แต่น้อย
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
เมื่อ ลิเวอร์พูล รู้ว่าพวกเขาไม่สามารถจบในตำแหน่งท็อปโฟร์ได้ในซีซั่นถัดไป ทำ อุลลิเย่ร์ ต้องออกจากตำแหน่งตามระเบียบ
ฤดูกาล 2009-10 ยุค ราฟาเอล เบนิเตซ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ปลายฤดูกาลก่อนหน้านั้น ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มได้สุดทึ่งหลังสามารถเก็บชัยในลีกได้ถึง 10 จาก 11 เกมหลัง แต่ก็ไม่เพียงพอให้พวกเขาแย่งชิงตำแหน่งแชมป์ได้จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ฤดูกาลถัดมาพวกเขาก็หล่นไปอยู่อันดับ 7 อย่างน่าเหลือเชื่อ
สาเหตุที่เกิดขึ้น
การที่ทีมปล่อย ชาบี อลอนโซ่ ไปร่วมทัพ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่แห่งซีซั่นจริง ๆ และหลังจากนั้น ราฟาเอล เบนิเตซ ได้ตัดสินใจดีงตัว โรแบร์โต้ อาควิลานี่ มาร่วมทัพในขณะที่กำลังพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บอีกด้วย
ความล้มเหลวในตลาดซื้อขาย
ลิเวอร์พูล จัดแจงหาตัวแทน ชาบี อลอนโซ่ โดยการเลือกผู้เล่นที่มีประวัติเรื่องอาการบาดเจ็บอย่าง โรแบร์โต้ อาควิลานี่ เข้ามาแทน ถึงแม้เขาจะเป็นกองกลางเชิงสูงคนนึงในวงการฟุตบอลอิตาลี แต่ด้วยสไตล์การเล่นของเขาดูท่าจะไม่เหมาะกับความดุดันในลีกอังกฤษเท่าใดนัก
เรื่องนอกสนาม
ทอม ฮิคส์ กับ จอร์จ ยิลเล็ตต์ 2 คู่หูตัวแสบ ที่เป็นเจ้าของสโมสรในยุคนั้น ถือเป็นตัวบ่อนทำลายและพาสโมสรตกต่ำอย่างแท้จริง พวกเขาได้ทำให้สโมสรมีหนี้สิ้นเพิ่มขึ้นแถมบีบบังคับให้ผู้จัดการทีมต้องใช้งบอย่างจำกัดจำเขี่ยและต้องขายผู้เล่นออกไปเพื่อดึงผู้เล่นรายใหม่เข้ามา
ความคาดหวัง
จากฟอร์มอันยอดเยี่ยมในเวทียุโรปและผลงานในลีกที่สามารถเกือบเบียดแช่งแชมป์จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ในฤดูกาลก่อน ทำให้พวกเขาหมายมั่นปั้นมือที่จะไปให้ถึงฝั่งฝัน แต่การปรับเปลี่ยนแกนหลักมากเกินไปในตลาดซื้อขายทำให้พวกเขาพังไม่เป็นทา
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
เบนิเตซ ถูกไล่ออกในช่วงฤดูร้อนในซีซั่นดังกล่าว และผู้ที่มารับตำแหน่งก็คือ รอยฮอดจ์สัน และในช่วงเดียวกันนั้นเองที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของสโมสร เนื่องจากมีการเปลี่ยนเจ้าของทีมจนถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลเลยทีเดียว
ฤดูกาล 2014-15 ยุค เบรนแดน ร็อดเจอร์ส
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ลิเวอร์พูล เกือบสร้างปรากฎการณ์ที่น่าเหลือเชื่อในเวทีพรีเมียร์ลีกปี 2013-14 ด้วยการเอาชนะในลีกได้ถึง 11 เกมรวด ก่อนจะพ่าย เชลซี ในรังของตัวเอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทีมพลาดแชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย
สาเหตุที่เกิดขึ้น
การสูญเสีย หลุยซัวเรซ ถือเป็นผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุด เนื่องจากศูนย์หน้าฟันจอบผู้นี้คือผู้เล่นที่ไม่สามารถหาคนมาแทนที่ได้ และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นในความตกต่ำของสโมสรอีกครั้งนับจากหัวหอกชาวอุรุกวัยออกจากแอนฟิลด์ไป
ความล้มเหลวในตลาดซื้อขาย
บาโลเตลลี่ ถูกมองว่าเป็นความผิดพลาดราคาแพงในปีนี้เช่นเดียวกับ เดยัน ลอฟเรน ที่ถูกคว้าตัวมาด้วยเงินจำนวน 20 ล้านปอนด์ ถึงแม้สโมสรจะได้เงินจากการขาย ซัวเรซถึง 75 ล้านปอนด์ แต่เงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้กับไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นคุณภาพได้ดีเท่าที่ควร
เรื่องนอกสนาม
เป็นที่ทราบกันดีว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด จะอำลาสโมสรหลังจบซีซั่นนี้ นั้นทำให้เสาหลักที่จะนำพาเพื่อนร่วมทีมดูจะเป็นปัญหาใหญ่ไม่น้อย แม้ เฮนเดอร์สัน จะถูกดันให้มารับบทบาทแทนที่ แต่ก็ยังเป็นคำถามว่าเขาคือตัวแทนที่เหมาะสมที่สุดหรือไม่ แถมปัญหาเรื่องขยายสัญญาของ สเตอร์ลิง ยังคาราคาซังเช่นนี้ ได้สร้างผลเสียในวงกว้างต่อสโมสรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ความคาดหวัง
ลิเวอร์พูล ต่างคาดหวังว่าจะมีเส้นทางที่รุ่งโรจน์และกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้งหลังได้ตบเท้าเข้าร่วม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นนี้ แต่จากปัญหาอาการบาดเจ็บยาวของ สเตอร์ริดจ์ และการขาดหายไปของ หลุยส์ ซัวเรซ ได้ฉุดสโมสรกลับมาจุดตกต่ำอีกครั้ง แม้ทิศทางและพัฒนาการของผู้เล่นจะอยู่ในเส้นทางที่ถูกที่ควร แต่่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะกลับมาเป็นสโมสรที่เฉิดฉายและเป็นที่น่าเกรงขามของคู่แข่งเฉกเช่นในอดีต
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
ไม่มีใครรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเกี่ยวกับอนาคตของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส หาก ลิเวอร์พูล ไม่สามารถคว้า เอฟเอ คัพ และมีผลงานในลีกดำดิ่งลงไปกว่านี้ เชื่อว่าเจ้าของทีมอย่าง จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี่ น่าจะทำอะไรสักอย่างหลังจบซีซั่นนี้