หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับตำแหน่งวิงแบ็กที่เปล่าประโยชน์!!

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับตำแหน่งวิงแบ็กที่เปล่าประโยชน์!!

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับตำแหน่งวิงแบ็กที่เปล่าประโยชน์!!

     ในระยะหลัง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกลมกรดวัย 20 ปีของ ลิเวอร์พูล ฟอร์มชักจะหายเงียบไป ดูไม่ค่อยอันตรายเหมือนช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล ซึ่งการเล่นของเขาทำให้แนวรุกของทีมดูวูบวาบและร้อนแรงมีประสิทธิภาพมาก

LIVERPOOL, ENGLAND - Sunday, August 17, 2014: Liverpool's Raheem Sterling celebrates scoring the first goal against Southampton during the Premier League match at Anfield. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

     ด้วยผลงานที่เริ่มถดถอยไปบ้างของเขา อาจจะมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์การต่อสัญญาฉบับใหม่ในถิ่น แอนฟิลด์ ที่ยังคงไม่มีความคืบหน้าเลย ชนิดว่า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นายใหญ่ของทีมก็ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าไอ้หนูหัวหยอยแกจะเอายังไงต่อ

     วันนี้เราจะพูดถึงปัจจัยต่างๆ ที่เป็นเหตุผลที่ทำให้ฟอร์มของไอ้หนูลิ่งรูดร่วงได้เพียงนี้ ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันว่า อาจมาจากการโดนถ่างมาเล่นในด้านข้างของระบบ 3-4-2-1 ที่ ร็อดเจอร์ส ได้เซตเอาไว้ ณ ขณะนี้

การเล่นตำแหน่งวิงแบ็กที่ไร้ประโยชน์

SOFIA, BULGARIA - Wednesday, November 26, 2014: Liverpool's manager Brendan Rodgers substitutes Raheem Sterling during the UEFA Champions League Group B match against PFC Ludogorets Razgrad at the Vasil Levski National Stadium. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

     ที่จริงตำแหน่งที่ สเตอร์ลิ่ง ทำผลงานได้ดีสุดๆ นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วก็คือบทบาทการยืนเป็นตัวฟรีในแนวรุก แต่มาซีซั่นนี้เรามักจะเห็นเขาต้องขยับสลับไปมาไม่ซ้ายก็ขวา จนล่าสุดก็ต้องมาเป็นแบ็กขวาซะอย่างนั้น

     ครั้งหนึ่ง บีร็อด เคยพูดในทำนองว่า สเตอร์ลิ่ง เป็นผู้เล่นได้ไม่หลากหลายตำแหน่ง และควรจะได้เล่นในจุดที่ตายตัว

     "ในเกมกับ นิวคาสเซิ่ล ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เล่นในด้านข้าง ผมได้เรียนรู้แล้วว่า ราฮีม อาจจะไม่สามารถเล่นในด้านข้างได้อย่างที่ผมต้องการ เพราะเขายังไม่อยู่ระดับที่พอกับเกมที่ผมคาดหวังเท่าไร"

     แต่แล้วสิ่งที่ตามมากลับกลายเป็นว่าบอสไอร์แลนด์เหนือก็จัดการส่ง ราฮีม เล่นมันทุกตำแหน่งไปเรื่อยเปื่อยในแทบจะทุกนัด อย่างเกมกับ เบิร์นลี่ย์ ก็เป็นครั้งแรกที่ปรับให้เขามาเป็นวิงแบ็กของทีม

     อดีตเด็กปั้นของ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ก็ดูจะไม่สามารถทำผลงานได้ดีในตำแหน่งดังกล่าว เป็นที่น่าแปลกใจว่า บีร็อด น่าจะรู้ดีกว่าใครๆ ว่าศักยภาพของเขาเหมาะกับการเล่นเป็นอะไรก็ได้ในแนวรุกด้านหน้า มากกว่าจะมาขึ้นๆ ลงๆ คอยช่วยทั้งเกมรุกและรับไปพร้อมๆ กัน ซึ่งเราก็เห็นกันว่าทีมก็ผลงานเริ่มดร็อปไปตามฟอร์มของ สเตอร์ลิ่ง ด้วย

     แถมเกมรุกดูจะฝืดๆ ชอบกลใน 4 เกมที่เขาต้องมาเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัด วัดได้จากการที่ทีมยิงได้แค่ 4 ประตูเท่านั้น นี่ขนาดว่ารวมลูกยิงฟลุ๊คๆ ของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในเกมกับ สวอนซี ไปแล้ว รวมถึงเกมที่เสมอ แบล็คเบิร์น ใน เอฟเอ คัพ อีก ที่ทีมจนปัญญาจะยิงประตูทีมรองบ่อนได้

     เราพอจะมองเห็นกันว่าวิธีการเคลื่อนที่ของ สเตอร์ลิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ คือการใช้ความเร็วในการเล่นแบบฉาบฉวย วูบวาบ เขามีประโยชน์มากยามที่ทีมได้สวนกลับ นั่นละอันตรายของจริง แม้ว่าจะยิงประตูไม่ได้เฉียบคมเมื่อเทียบกับโอกาสที่ทำได้ แต่ก็ยังแอสซิสต์ให้เพื่อนได้บ่อยครั้งอยู่เหมือนกัน

     ดังนั้นการยังต้องให้ ราฮีม ทนเล่นในตำแหน่งวิงแบ็กแบบนี้ อาจจะทำลายเกมและสไตล์การเล่นของเขาจนเสียความเป็นตัวเองไปหมด นานเข้าอาจจะสูญเสียความมั่นใจเหมือนนักเตะหลายคนในอดีต ที่โดนย้ายตำแหน่งบ่อยจนไม่รู้ตัวเองเล่นตำแหน่งอะไรกันแน่ ท้ายที่สุดก็หมดสภาพ

กลับไปเป็นตัวรุกแบบเต็มตัวน่ะดีแล้ว

BURNLEY, ENGLAND - Boxing Day, Friday, December 26, 2014: Liverpool's Raheem Sterling celebrates scoring the first goal against Burnley during the Premier League match at Turf Moor. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

     อย่างที่พูดมายาวเหยียด สเตอร์ลิ่ง สมควรที่สุดแล้วในการไปเป็นมิดฟิลด์รุกตัวกลาง เพราะเขามีทั้งความเร็ว การเคลื่อนที่ๆ ว่องไว และความสามารถในการหาพื้นที่ว่าง แถมยังช่่วยทีมเพรสซิ่งพื้นที่ด้านหน้าได้ดีด้วย อย่างที่เราเห็นๆ กันในช่วงที่ทีมไม่มี แดเนี่ยล สเตอร์ลิ่ง เจ้าหนูคนนี้ก็เล่นกองหน้าได้ดีพอใช้ในแง่ของการประสานเกมและการเจาะแนวรับ จนทำให้พอจะยิงประตูได้บ้าง เพราะความเร็วของเขาดูจะมีมากกว่าเจ้าเต้ยโศกอีกด้วยซ้ำไป

     อย่างเกมที่ ลิเวอร์พูล ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 นัดนั้น สเตอร์ริดจ์ ก็ถูกดร็อปไว้ข้างสนาม กลับกลายเป็นว่า สเตอร์ลิ่ง ที่ได้โอกาสก่อนเล่นได้อย่างสุดยอด เรียกว่าเพราะไอ้หนูคนนี้นี่แหละที่ทำให้แผงหลังทีมเรือใบออกอาการขวัญผวา ยืนตำแหน่งกันเละเทะ จนโดนเราส่องไกลไป 2 ประตูสบายแฮ

     ที่กล่าวมาจึงเป็นอิทธิผลของ สเตอร์ลิ่ง ที่มี่ต่อเกมรุกของ หงส์แดง อย่างชัดเจน ด้วยความขยันขันแข็งและ คุณภาพที่มี เขาสมควรกลับมายืนในที่พื้นที่ทำกินที่ถนัดจะดีที่สุดนะ ร็อดเจอร์ส

ปัญหาความไม่ต่อเนื่องของ อดัม ลัลลาน่า

Sterling Lallana table

     นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นปัจจัยให้เกมรุก ลิเวอร์พูล ย่ำแย่ลง และดูว่าจะเป็นปัญหาที่ไม่รู้มีใครสังเกตกันรึเปล่า ด้วยความที่ ลัลลาน่า ก็เป็นผู้เล่นที่เล่นได้หลากหลายในเกมรุก แต่ผลงานที่ออกมาดูจะไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากนัก ในแง่ของการทำประตูและแอสซิสต์ โดยเฉพาะการสร้างสรรค์โอกาสที่น้อยกว่า สเตอร์ลิ่้ง ถึง 3 เท่า!!

     แต่ก็เป็น บีร็อด อีกนั่นแหละ ที่ให้โอกาส ลัลลาน่า ลงยืนในตำแหน่งเบอร์ 10 ทั้งๆ ที่ สเตอร์ลิ่ง สมควรกว่าทุกประการในการเล่นตรงจุดนั้น จากผลงานที่ทำไว้กับ ลิเวอร์พูล รวมไปถึงกับทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลกเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา

LIVERPOOL, ENGLAND - Saturday, September 27, 2014: Liverpool's Adam Lallana in action against Everton during the Premier League match at Anfield. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

     ที่จริง ลัลลาน่า ก็เป็นผู้เล่นที่เก่งมากคนหนึ่ง ในเชิงของเทคนิค, การเล่นได้ทั้ง 2 เท้า และความฉลาดในการเคลื่อนที่ แต่จุดอ่อนก็ยังมีอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นความเชื่องช้าในจังหวะเซตเกมรุก รวมไปถึงการเล่นบอลหลายๆ จังหวะ ซึ่งทั้งหมดทำให้เขาไม่สามารถโดดเด่นต่อเนื่องได้เสียที นับตั้งแต่ย้ายมาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อหน้าร้อนที่แล้ว

     ในแง่ของประสบการณ์ ลัลลาน่า ย่อมมีมากกว่า สเตอร์ลิ่ง อยู่หลายขุม แต่ความสำคัญที่มีต่อทีมก็ดูเหมือนว่า ลัลลาน่า ยังตามหลัง สเตอร์ลิ่ง เยอะ ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ ร็อดเจอร์ส ต้องหาทางแก้ไขให้ได้ว่าจะจัดทีมยังไงให้ลงตัวกว่านี้

     ทั้งนี้ข่าวล่าสุด ลัลลาน่า มีข่าวว่าบาดเจ็บอีกแล้วในสัปดาห์นี้ ขณะที่ จอร์ดอน ไอบ์ ก็มีแนวโน้มจะกลับมาสู่ทีม บางทีเราอาจได้เห็น สเตอร์ลิ่ง กลับมายืนเคียงข้าง ฟิลิปป์ คูตินโญ่ ช่วยกันทำเกมรุกอีกครั้ง พร้อมกับวิงแบ็คขวาที่มี ไอบ์ ยืนรับผิดชอบก็เป็นได้ครับทุกคน เฮ้ออออ

ADS