หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / 5 คำแนะนำที่ "บีร็อด" ต้องฟัง หากหวังพาทีมจบท็อปโฟร์

5 คำแนะนำที่ "บีร็อด" ต้องฟัง หากหวังพาทีมจบท็อปโฟร์

armada28 2015-03-15 16:16:58 ร็อดเจอร์ส , จัน
5 คำแนะนำที่ บีร็อด ต้องฟัง หากหวังพาทีมจบท็อปโฟร์

     จุดเปลี่ยนของ ลิเวอร์พูล ด้วยการคืนฟอร์มร้อนแรงในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลหลังใน พรีเมียร์ ลีก ถือเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ของวงการฟุตบอลอังกฤษ และนั่นทำให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส พร้อมที่จะพาทีมไต่อันดับสู่พื้นที่ท็อปโฟร์ เพื่อการกลับไปเล่นฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง

BOLTON, ENGLAND - Wednesday, February 4, 2015: Liverpool's manager Brendan Rodgers celebrates after a 2-1 victory over Bolton Wanderers during the FA Cup 4th Round Replay match at the Reebok Stadium. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

     ในความเป็นจริง ร็อดเจอร์ส เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ต่อการแถลงหน้าสื่อก่อนเกมพบ สวอนซี ซิตี้ ว่า "ทุกอย่างช่างตึงเครียดมากๆ เราแข่งขันอย่างหนักหน่วงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เราทุ่มเทด้วยการมอบทุกอย่างลงไปในเกม"

     บอสใหญ่หงส์แดงดูจะมั่นอกมั่นใจมากว่าลูกทีมของเขาจะรวมกำลังจบท็อปโฟร์ได้แน่ เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลนี้ วันนี้ทีมงานสยามลิเวอร์พูลเลยอยากเสนอ 5 ไอเดียที่จะช่วยให้แผนงานของเขาลุล่วงได้ง่ายกว่าเดิม เพื่อการันตีการไปเล่นถ้วยยักษ์ยุโรปให้ได้

เล่นด้วยแนวทางการคอนโทรลเกมคู่แข่ง

Football - FA Premier League - Burnley FC v Liverpool FC

     ซีซั่นที่แล้ว 2013-14 เราคงได้เห็นการแอสซิสต์เป็นว่าเล่นของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และการจบสกอร์ที่เฉียบคมของ หลุยส์ ซัวเรซ ซึ่งสิ่งที่เห็นนั้นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาในปีนี้ เพราะนั่นคือการเล่นแบบเคาน์เตอร์แอ็ทแท็กที่ไม่แน่นอน ต่างไปจาก ณ ขณะนี้

     ร็อดเจอร์ส เคยพูดทีมสไตล์การทำทีมของเขาว่า "เราต้องการคอนโทรลเกมแม้ยามที่เราไม่ได้ครองบอลก็ตาม" นั่นหมายความว่าการเล่นสวนกลับแบบเดิมๆ ได้จบสิ้นไปแล้ว

     ลิเวอร์พูล ตอนนี้เล่นด้วยเกมเพรสซิ่งที่เข้มข้นไม่ว่าจะมีบอลหรือไม่มีบอลก็ตาม ด้วยสูตร 3-4-2-1 ที่สมบูรณ์แบบกับการเล่นนี้ และพร้อมบุกโจมตีแบบหนักหน่วงเมื่อเป็นฝ่ายเล่นเกมรุก

     จุดเด่นอยู่ที่การใช้ความเร็วที่จัดจ้าน ซึ่งมีในตัวของพวกตัวจี๊ดอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, อัลแบร์โต้ โมเรโน่, ลาซาร์ มาร์โควิช, จอร์ดอน ไอบ์ และ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ซึ่งต้องใช้ทั้งระเบียบวินัยและมันสมองในการอ่านเกมลักษณะนี้

ปรับเปลี่ยนแผน 3-4-2-1 เมื่อจำเป็น

European Football - UEFA Europa League - Round of 32 - Liverpool FC v Besiktas JK

     แผนอันแน่นปึ้กที่เป็นตัวสร้างชื่อของทีมในตอนนี้อย่าง 3-4-2-1 ที่เน้นการเคลื่อนที่เข้าทำด้วยความเร็ว และทำให้เปิดช่องว่างในเกมรับของคู่แข่งได้

     แต่บางครั้งมันก็ไม่เป็นอย่างใจ เพราะ สเตอร์ริดจ์ ก็ยังไม่เข้าฟอร์มที่คบกริบแบบปีก่อน และบางครั้งแผงกองกลางก็ยังเพรสซิ่งไม่ได้เท่าที่ต้องการ เมื่อเกมเป็นรอง ลิเวอร์พูล จึงจำเป็นต้องมีแผนสำรองด้วย

     ความเป็นไปได้ที่เราขอแนะนำคือการปรับแผนไปใช้ 3-2-2-2 หรือไม่ก็แบบฤดูกาลที่แล้วอย่าง 4-4-2 ไดมอนด์

     นั่นก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจะเลือกใช้ มาริโอ บาโลเตลลี่ ไปประสานงานในแดนหน้า หรือการเติมมิดฟิลด์ลงไปอีกคนในแผงกลาง ก็แล้วแต่ความเหมาะสมใน ณ ขณะนั้น

ให้ความสำคัญกับคีย์แมนที่บาดเจ็บไปนาน

LONDON, ENGLAND - Tuesday, January 27, 2015: Liverpool's Lucas Leiva in action against Chelsea during the Football League Cup Semi-Final 2nd Leg match at Stamford Bridge. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

     แม้ว่าซัมเมอร์ที่ผ่านมา ร็อดเจอร์ส จะช้อปปิ้งซื้อผู้เล่นมาเยอะแยะ แต่ปัญหานักเตะบาดเจ็บก็ยังคงปรากฎให้เห็นในตอนนี้ และ 2 คนที่เป็นคีย์แมนที่ว่าก็คือ ไอบ์ และ ลูคัส เลว่า

     โชคดีที่การขาดหายไปของ ลูคัส ดันมาชนกับการกลับมาของ โจ อัลเลน ที่มีพร้อมด้วยพละกำลังและความฉลาดในการเล่นเกมรับ มาคอยแบ่งเบาภาระร่วมกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในแดนกลาง

     แต่การได้ ลูคัส กลับมาย่อมช่วยเพิ่มศักยภาพให้ทีมมากแน่นอน อย่างน้อยก็ดีกว่าการให้ จอร์แดน วิลเลี่ยมส์ เด็กวัย 19 ปี มานั่งที่มานั่งสำรอง และการมี ลูคัส จะทำให้ ร็อดเจอร์ส มีทางเลือกในการเล่น 4-4-2 แบบไดมอนด์อีกด้วย

SOUTHAMPTON, ENGLAND - Sunday, February 22, 2015: Liverpool's Jordon Ibe in action against Southampton during the FA Premier League match at St Mary's Stadium. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

     ขณะที่ ไอบ์ ซึ่งได้เล่นในบทบาทวิงแบ็กขวา นับตั้งแต่ย้ายกลับมาจาก ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ก็แสดงออกมาให้เห็นว่ามีสมดุลที่ดีทั้งเกมรับและเกมรุก เขาพร้อมจะบุกไปถึงสุดเส้นคู่แข่งยามที่ทีมได้เปิดเกมรุก

     แต่พอไม่มี ไอบ์ เราก็คงเห็นว่า มาร์โควิช ยังเอาดีไม่ได้เท่าไรในตำแหน่งนี้ ดังนั้นถ้า ไอบ์ กลับมา เขาย่อมเป็นคนที่จะพาทีม ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จได้ไม่ยากเลย

กำหนดบทบาทของ เจอร์ราร์ด ให้เหมาะสม

KINGSTON-UPON-THAMES, ENGLAND - Monday, January 5, 2015: Liverpool's captain <a href=

     กัปตันเจิดหลุดจากทีมไปกว่า 1 เดือน เพราะปัญหาบาดเจ็บเอ็นร้อยหวาย และการกลับมาของเขาคือช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในการช่วยทีมจบท็อปโฟร์ ก่อนที่จะต้องย้ายไป แอลเอ กาแล็กซี่ ในซัมเมอร์นี้

     แต่ ร็อดเจอร์ส ก็คงทราบดีแก่ใจว่าช่วงที่ทีมไม่มี เจอร์ราร์ด ทีมเล่นดีมากๆ วัดได้จากสถิติเมื่อทีมมี เจอร์ราร์ด จะชนะเพียงแค่ 9 จาก 22 เกมลีกเท่านั้น ขณะช่วงที่ทีมไม่มี เจอร์ราร์ด 6 เกม ต่างชนะทั้งหมด 6 เกม

     การไม่มีกัปตันอังกฤษคนนี้ ทำให้ทีมเล่นบอลกันได้เร็วขึ้นและทรงพลังกว่าที่เคย ประโยชน์ของเขาที่ยังพอมีคือการเล่นมิดฟิลด์ตัวรุกในระบบ 3-4-2-1 ที่จำเป็นต้องพึ่งพาการเล่นบอลแบบวันทัช และการสร้างสรรค์

     ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ร็อดเจอร์ส ควรจะใช้เขาเป็นเพียงตัวเปลี่ยนเกมในการโรเตชั่น มากกว่าจะมาเป็นตัวหลักของทีม และโดยเฉพาะต้องเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกนี่ละดีที่สุด

ยึดมั่นในแผงหลังที่มี จัน-สเคอร์เทล-ซาโก้

LONDON, ENGLAND - Saturday, February 14, 2015: Liverpool's <a href=

     เป็นที่ถกเถียงกันว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดของ เอ็มเร่ จัน คือมิดฟิลด์ตัวกลางไม่ใช่หรือ? แน่นอนว่าในระยะยาวเขาต้องจองตำแหน่งนั่นแน่ แต่ในตอนนี้ จัน เล่นได้ดีที่สุดก็คือการยืนเซ็นเตอร์แบ็กตัวขวา

     ดูอย่างนัดที่ผ่านมาที่เสมอ แบล็คเบิร์น 0-0 แผงหลัง 3 คนที่มี เกล็น จอห์นสัน, โคโล่ ตูเร่ และ เดยัน ลอฟเรน ถึงกับระส่ำระสายเมื่อเจอทีมต่ำชั้น ซึ่งเราหวังว่า บีร็อด จะไม่ทำแบบนี้อีก

     นอกจากนี้การใกล้กลับมาฟิตสมบูรณ์ของ มามาดู ซาโก้ จะยิ่งทำให้ ลิเวอร์พูล กลับมามีเกมรับที่ไว้ใจได้เหมือนดังเดิม

     ด้วยระบบแบ็กทรีที่มี จัน, ซาโก้ และ สเคอร์เทล ได้พิสูจน์มามากแล้วว่าทรงประสิทธิภาพมากขนาดไหน และ ร็อดเจอร์ส จะไปเปลี่ยนแปลงให้แย่ไปทำไมเล่า จริงไหมครับเดอะค็อปทุกคน

ADS