หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / พรีวิว เอฟเอ คัพ ลิเวอร์พูล -vs- แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส

พรีวิว เอฟเอ คัพ ลิเวอร์พูล -vs- แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส

พรีวิว เอฟเอ คัพ ลิเวอร์พูล -vs- แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส

พรีวิว เอฟเอ คัพ ลิเวอร์พูล -vs- แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2015 เวลา 23.00 น.

สนาม แอนฟิลด์

ถ่ายทอดสดช่อง ช่อง 7, Bugaboo.TV

ผู้ตัดสิน อังเดร มาร์ริเนอร์

     หงส์แดง ลิเวอร์พูล เตรียมทำศึกหนักต่อเนื่องเป็นเกมที่ 3 ในรอบ 7 วันที่สนาม แอนฟิลด์ในวันอาทิตย์นี้ โดยเตรียมเปิดบ้านรับการมาเยือนของ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในศึกบอลถ้วย เอฟเอ คัพ เส้นทางของพวกเขา หากผ่านด่านกุหลาบไฟไปได้สำเร็จ ก็จะได้ไปเหยียบสนาม เวมบลีย์ ในรองชนะเลิศต่อไปอย่างแน่นอน เพื่อเป็นโทรฟี่ชิ้นสุดท้ายมอบให้แด่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานของทีมที่จะอำลาหลังจบซีซั่นนี้ให้ได้

สภาพทีมล่าสุด : ลิเวอร์พูล

     ทั้ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ มามาดู ซาโก้ ยังต้องเช็คทดสอบความฟิตในขั้นสุดท้ายก่อนลงเกมนี้ ขณะที่ ลูคัส เลว่า และ จอร์แดน ไอบ์ จะยังคงไม่ได้ลงสนามเพราะเจ็บทั้งคู่ตามเดิม รวมถึงการติดคัพไทสมัยยืมตัวกับ ดาร์บี้ อีกด้วย

สภาพทีมล่าสุด : แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส

     โบว์เยอร์ กุนซือของทีมจะได้ โจชัว คิง หัวหอกที่ซัด 3 ประตูจากเกมพบ สโต๊ค ซิตี้ ที่เพิ่งหายบาดเจ็บลงในแดนหน้า โดยคาดว่าจะเป็นตัวสำรองไปก่อน ขณะที่ เจสัน โลว์ ยังคงต้องพักทั้งฤดูกาล เพราะยังเจ็บฝ่าเท้าไม่หาย

คีย์แมน

ลิเวอร์พูล : แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

     แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ เริ่มค่อยๆ คืนฟอร์มอันตรายใน 2-3 นัดที่ผ่านมา แม้ว่าในเกมกับ เบิร์นลี่ย์ เขาจะพลาดโอกาสจบสกอร์ไปหลายครั้ง แต่ก็ยังมาโหม่งประตูปิดท้าย 2-0 ไปในที่สุด เป็นสัญญานบ่งชี้ว่าเขาอาจจะกลับมาอย่างเชื่องช้าแต่มีมาตรฐานสูงดังเดิม

     หัวหอกดีกรีทีมชาติอังกฤษถล่มไป 10 ประตู จากการลงเป็นตัวจริงใน เอฟเอ คัพ 12 นัดหลังสุด ยิ่งได้ทีมระดับล่างอย่าง แบล็คเบิร์น มาเยือนแบบนี้ยิ่งเป็นโอกาสดีในการลับคมการล่าตาข่าย ความจริงคือจังหวะเกมต่างๆ เขายังดูดีเหมือนเดิมขาดแค่จังหวะสุดท้ายเท่านั้น เกมนี้ สเตอร์ริดจ์ น่าจะได้เล่นครบ 90 นาที ด้วยความฟิตที่ใกล้เคียงที่จะสมบูรณ์ดังเดิมแล้วในตอนนี้

แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส : รูดี้ เกสเตเด้

     เจ้าของสถิติยิงไปแล้ว 15 ประตูในทุกรายการ เกสเตเด้ คือดาวซัลโวสูงสุดของทีมกุหลาบไฟในฤดูกาลนี้ เขาเป็นกองหน้ารูปร่างสูงใหญ่ ด้วยความสูง 193 เซนติเมตร พร้อมสถิติเข้าปะทะคู่แข่ง 9.6 ครั้งต่อเกมทำให้เขายิ่้งน่ากลัวในการเล่นลูกเซตพีท และการโยนยาว ถ้า ซาโก้ ไม่ได้ลงเกมนี้ แบล็คเบิร์น จะได้เปรียบแน่ในการเล่นลูกกลางอากาศ สถิติการยิง 3.3 ครั้งต่อเกม ยิ่งบ่งบอกถึงความอันตรายของดาวเตะฝรั่งเศสรายนี้

     เขายิงประตูมาแล้วทั้ง สวอนซี และ สโต๊ค ซิตี้ ในรอบที่ผ่านมา และไม่แน่ว่าวันอาทิตย์นี้อาจถึงคิวของทีมใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล ที่จะโดนล่อเป้าไปอีกทีมหนึ่งก็เป็นได้ หากไม่ระวังตัวให้ดี

วาทะก่อนเกมของผู้จัดการทั้งสองทีม

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส (ลิเวอร์พูล) :

     "ไม่มีใครในทีมชุดนี้ที่มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นๆ ในการได้เป็นตัวจริง สตีเว่น เป็นผู้เล่นคนสำคัญมากของเรา และการที่เขาเป็นแค่ตัวสำรอง เพราะทีมกำลังเล่นด้วยฟอร์มที่ดี ทุกคนทราบดีในเรื่องนี้ ผมแสดงให้เห็นเสมอว่าคนที่ฟอร์มดีเท่านั้นจึงจะได้ลงสนาม แต่สิ่งสำคัญสุดคือการมี สตีเว่น ย่อมทำให้ทีมแกร่งขึ้นแน่ แต่เขายังไม่ฟิตดี เรายังคงต้องรอดูกันต่อไปกับช่วงเวลาในฤดูกาลนี้ที่ยังเหลืออยู่"

แกรี่ โบว์เยอร์ (เบิร์นลีย์) :

     "มันเป็นศึกของทีมเล็กๆ อย่างเรากับยักษ์ใหญ่
อย่างพวกเขา ผมคิดว่า ลิเวอร์พูล คือทีมน่าประทับใจที่สุดของ พรีเมียร์ ลีก ตอนนี้ ฟุตบอลของพวกเขาน่าอัศจรรย์มาก ต้องยกเครดิตแก่ผู้จัดการทีมพวกเขาที่ค้นพบสูตรที่ลงตัว เราศึกษาพวกเขามาอย่างดี และการเจอทีมระดับ พรีเมียร์ ลีก เราจำเป็นต้องมีโชคบ้าง แน่นอนว่ามันน่าตื่นเต้นสุดๆ ที่เราจะได้ไปเล่นที่ แอนฟิลด์ ด้วยฟอร์มการเล่นจากรอบที่ผ่านมา"

ฟอร์มการเล่น

     เจ้าบ้านจากลีกสูงสุดฟอร์มดีมาก ยังไม่แพ้ให้ใครเลย ในเกมลีก 12 นัดหลังสุด แถมยิงได้อย่างน้อย 2 ลูกต่อเกมเมื่อเล่นในบ้าน โดยเฉพาะ 5 นัดหลังสุดใน แอนฟิลด์ หงส์แดงเก็บชัย 5 นัดรวด ส่วน แบล็คเบิร์น ทีมเยือนก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน แพ้แค่นัดเดียว จาก 7 เกมหลังสุดในทุกรายการ แต่ออกนอกบ้านทำผลงานไม่ค่อยดีนัก ชนะแค่ 2 จาก 12 เกมเยือนหลังสุด 

ประวัติการพบกัน

     สองทีมนี้เคยเจอกันใน เอฟเอ คัพ มาแล้ว 9 ครั้ง และผลการแข่งขันก็สูสีกันสุดๆ โดยชัยชนะตกเป็นของ ลิเวอร์พูล 5 ครั้ง และ แบล็คเบิร์น อีก 4 ครั้ง แต่หากนับเฉพาะการเจอที่ แอนฟิดล์ ทีมกุหลาบไฟ ไม่เคยเอาชนะหงส์แดงได้เลยจาก 11 ครั้งหลังสุดที่มาเยือนที่นี่ โดยเสมอ 4 และ แพ้ไปถึง 7 หน

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

 

ลิเวอร์พูล (3-4-2-1) : ซิมง มิโญเลต์, เอ็มเร่ ชาน, มาร์ติน สเคอร์เทล, เดยัน ลอฟเรน, ลาซาร์ มาร์โควิช, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โจ อัลเลน, อัลแบร์โต้ โมเรโน่, อดัม ลัลลาน่า, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส (4-4-2) : เจสัน สตีล, อดัม เฮนลีย์, แกรนท์ แฮนลีย์, แมทธิว คิลกัลล่อน, มาร์คุส โอลส์สัน, ทอม เคร์นี่ย์, คอร์รีย์ อีแวนส์, ลี วิมเลี่ยมสัน, เคร็ก คอนเวย์, รูดี้ เกสเตเด้, จอร์แดน โร้ดส์

ทรรศนะ Siamliverpool

     มาถึงรอบนี้แล้วคงต้องเน้นแน่นอนสำหรับ ลิเวอร์พูล ในถ้วยใบนี้ ยิ่งผลงานในบ้านแข็งแกร่งขนาดนี้ ทีมอย่าง แบล็คเบิร์น อาจมีดีในการเล่นลูกโยนยาวและจังหวะฉาบฉวย แต่อย่าลืมว่าเกมรับของหงส์แดงเหนียวแน่นลงตัวยิ่งกว่าอะไรในตอนนี้ ทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ว่าเล่นเกมเยือนเจ๋งๆ ยังตายมาแล้วแบบหมดสภาพ แล้วทีมจาก แชมเปี้ยนชิพ จะเอามาตรฐานอะไรมาสู้ ช่วงแรกอาจจะพอสูสีกัน แต่เชื่อว่าถ้าเน้นจริงๆ เกมน่าจะขาดตั้งแต่ครึ่งแรกด้วยซ้ำ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความฟิตสำหรับศึก พรีเมียร์ ลีก ในสัปดาห์หน้า วัดตัวต่อตัวขอบอกว่า กุหลาบไฟ สู้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

ฟันธง : ลิเวอร์พูล ชนะ 3-1

ADS