หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / พรีวิว พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล -vs- แมนเชสเตอร์ ซิตี้

พรีวิว พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล -vs- แมนเชสเตอร์ ซิตี้

earthmomo 2015-03-01 15:15:05 แอนฟิลด์
พรีวิว พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล -vs- แมนเชสเตอร์ ซิตี้

พรีวิว พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล -vs- แมนเชสเตอร์ ซิตี้

วันอาทิตย์ 1 มีนาคม 2015 เวลา 19.00 น.

สนาม แอนฟิลด์

ถ่ายทอดสดช่อง  CTH สเตเดี้ยม 2

ผู้ตัดสิน มาร์ค แคลตเทนเบิร์ก

     แมตช์นี้จะเป็นนัดที่ 27 ในลีกของ ลิเวอร์พูล เจ้าถิ่นและ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกมนี้จะเป็นนัดสำคัญอย่างยิ่งของพลพรรค "เร้ดส์ แมชชีน" ที่จะเอาชนะให้ได้ยามเล่นในบ้าน เพื่อทำอันดับคะแนนไปรั้งในอันดับท็อปโฟร์ให้ได้ เช่นเดียวกับ "เรือใบสีฟ้า" ที่จะทำแต้มลดช่องว่างจ่าฝูงอย่าง เชลซี 

สภาพทีมล่าสุด : ลิเวอร์พูล

SOUTHAMPTON, ENGLAND - Sunday, February 22, 2015: Liverpool's Raheem Sterling celebrates scoring the second goal against Southampton with team-mates Jordan Henderson and Alberto Moreno during the FA Premier League match at St Mary's Stadium. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

     เกมนี้เจ้าบ้านจะหมดสิทธิ์ใช้งาน ลูคัส เลว่า และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด สองนักเตะตำแหน่งมิดฟิลด์แน่นอนแล้ว เนื่องจากต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บในช่วงที่ผ่านมา ส่วนกัปตันทีมคนใหม่อย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ มามาดู ซาโก้ ที่ถูกพักในเกมกลางสัปดาห์ในศึก ยูโรป้า ลีก จะกลับมามีชื่อเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริงอีกครั้งในเกมรับการมาเยือน แมนฯซิตี้ ในค่ำคืนนี้ 

สภาพทีมล่าสุด : แมนเชสเตอร์ ซิตี้

     ส่วนทางทีมเยือนรองจ่าฝูงอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือว่าฟอร์มสุด ๆ ในเรื่องตัวผู้เล่น เนื่องจากไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย แถมเกมนี้ เซร์กิโอ อเกวโร่ หัวหอกตัวเก่งชาว อาร์เจนไตน์ ดูจะเข้าฝักเป็นพิเศษแถมเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดที่ผ่านมาเจ้าตัวก็มีชื่อเป็นผู้ทำประตูอีกด้วย

คีย์แมน

ลิเวอร์พูล : ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

    ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ถูกมองว่าอาจเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล ณ ตอนนี้ โดยเฉพาะเรื่องประสิทธิภาพการยิงประตู ที่เจ้าตัวสามารถยกระดับและช่วยทีมได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งการกลับมาของ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ทำให้วิสัยทัศน์ในการอ่านเกมดูดีขึ้นทันตาเห็น ด้วยฟอร์มของเจ้าหนูบาซิเลี่ยนนี่เอง ที่ทำให้โอกาสท้าท้ายตำแหน่งท็อปโฟร์ดูจะสดใสเลยที่เดียว

     เกมที่ผ่านมาใน ยูโรป้า ลีก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส บอสใหญ่ของทีมตัดสินใจไม่พา คูตินโญ่ บินไปทำศึก ยูโรป้า ลีก เมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา เพื่อรักษาสภาพความฟิตไว้บู๊กับ "เรือใบสีฟ้า" ในคืนวันนี้ เนื่องจากเจ้าตัวถือเป็นคีย์แมนคนสำคัญที่ทีมจะขาดไปไม่ได้ ทั้งยังเป็นผู้เล่นที่สร้างสรรค์โอกาสเข้าทำสูงที่สุดในทีมชุดนี้

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เซร์กิโอ อเกวโร่

     เซร์กิโอ อเกวโร่ ได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมากและซีซั่นนี้ถือเป็นซีซั่นที่ยอดเยี่ยมของอย่างแท้จริง ปัจจุบัน อเกวโร่ นำเป็นดาวซัลโวร่วมกับ คอสต้า หัวหอกจาก เชลซี และมีโอกาสที่ทั้งคู่จะเป็นคู่ท้าชิงตำแหน่งรองเท้าทองคำในปีนี้

  เมือเปรียบเทียบทางสถิติหัวหอกอาร์เจนไตน์ถือมีค่าเฉลี่ยการยิงประตูที่น่าทึ่งหลังมีโอกาสลงสนามเพียง 1,472 นาทีเท่านั้นแต่กับยิงประตูไปแล้วถึง 17 ลูก เชื่อว่าเกมนี้ทาง ลิเวอร์พูล จะต้องเจอปัญหาหนักในการรับมือกับความเร็วของ เซร์กิโอ อเกวโร่ ถ้าหากแนวรับเจ้าถิ่นเริ่มเสียสมาธิเมื่อไหร่ทางหัวหอกรายนี้ก็จะไม่รีรอที่จะลงโทษทันที

วาทะก่อนเกมของผู้จัดการทั้งสองทีม

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส (ลิเวอร์พูล) : "เราเล่นถึงช่วงต่อเวลาเมื่อ 48 ชั่วโมงที่แล้ว และมันอาจส่งผลต่อสภาพร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามเรามีเวลาเตรียมตัวที่จำกัด เราฝึกซ้อมอะไรไม่ได้มากนัก ก็เพื่อพักร่างกายของนักเตะ และนั่นคือการเตรียมตัวที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ แต่ถึงกระนั้นผู้เล่นของเรายังมีความกระหายที่จะชนะในเกมนี้ให้ได้ ในเกมที่เหลือของซีซั่นนี้พวกเราจะทำให้ดีที่สุด"

มานูเอล เปเยกรินี่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) : "คุณไม่สามารถเตรียมความพร้อมได้อย่างเรียบร้อยหลังเพิ่งเสร็จสิ้นในเกมวันพฤหัส คุณมีเวลาเพียง 48 ชม.เท่านั้นเพื่อลงเล่นในเกมวันอาทิตย์ ผมเองก็เคยพาทีมเล่น ยูโรป้า ลีก เมื่อคุณพาทีมกลับบ้านในวันศุกร์ มันไม่ใช่การเตรียมตัวที่ดีที่สุดแน่นอน พวกเขาเพิ่งผ่านเกม ยูโรป้า บางทีเรื่องของเวลาเตรียมตัว มันอาจจะส่งผลในระหว่างเกมก็ได้"

ฟอร์มการเล่น

     เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ถือว่ายอดเยี่ยมไม่น้อยในช่วงหลังและสามารถคว้าชัยได้อย่างต่อเนื่อง 13 เกมในลีกหลังสุดของพวกเขาสามารถเก็บชัย 6 นัด เสมอ 5 และแพ้ไป 2 เกมเท่านั้น ส่วนทีมเยือนอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพิ่งเปิดบ้านพ่าย บาร์เซโลน่า ไป 1-2 ในแชมป์เปี้ยนส์ลีก แต่พวกเขาถือว่าได้เปรียบแบบสุด ๆ หลังเจ้าถิ่นเพิ่งผ่านเกม ยูโรป้า ถึง 120 นาที เมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา

ประวัติการพบกัน

     10 นัดหลังของทั้งคู่มักจะออกด้วยผลเสมอเสียส่วนใหญ่ ทาง ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 2 นัด ส่วน "เรือใบสีฟ้า" มีสถิติที่ดีกว่าเล็กน้อยสามารถชนะ "หงส์แดง" ไป 3 ครั้ง ส่วน 5 เกมที่เหลือจบลงด้วยผลเสมอ แต่ถึงกระนั้นทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังไม่เคยบุกเอาชนะ ลิเวอร์พูล ถึงถิ่น แอนฟิลด์ ได้เลยใน 11 เกมหลังที่พบกัน

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

ลิเวอร์พูล (3-4-3) : ซิมง มิโญเล่ต์ - เอ็มเร่ ชาน, มาร์ติน สเคอร์เทล, มามาดู ซาโก้ - ลาซาร์ มาร์โควิช, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โจ อัลเลน, อัลเบร์โต้ โมเรโน่ - ราฮีม สเตอร์ลิง, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-4-2) : โจ ฮาร์ท - ปาโบล ซาบาเลต้า, อิเลียกิม ม็องกาล่า, แว็งซ็อง ก็องปานี, กาเอล คลิชี่ - ซามีร์ นาสรี, ยาย่า ตูเร่, แฟร์นานดินโญ่, ดาบิด ซิลบา - วิลเฟร็ด โบนี่, เซร์กิโอ อเกวโร่

 

ทรรศนะ Siamliverpool

     เกมนี้ถึงเป็นแมตช์ไฮไลท์ของสัปดาห์นี้เลยก็ว่าได้ เนื่องจากทั้งคู่ต่างต้องการผลชนะเพื่อทำอันดับขึ้นไปยังหัวตารางให้ได้ เกมนี้ทางเจ้าถิ่นดูจะเสียเปรียบทัพ "เรือใบ" พอสมควรเนื่องจากกำศึกหนักจากเกมกลางสัปดาห์ที่เดินทางไปยังตุรกีเพื่อเจอ เบซิคตัส แถมต้องลงแข่งขันถึง 120 นาที น่าจะสร้างผลเสียต่อสภาพความฟิตพอสมควร ตรงจุดนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนของเกมในคืนนี้ก็เป็นได้ ทางเจ้าถิ่นน่าจะแสดงอาการล้าให้เห็นในช่วงท้ายเกม แต่ถึงนั้นทาง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ทราบดีถึงผลเสียในเรื่องนี้จึงตัดสินใจพักผู้เล่นตัวหลักบางรายในเกมที่ผ่านมา เชื่อว่าเสียงเชียร์และความมุ่งมั่นของ ลิเวอร์พูล น่าจะสามารถสู้กับรองจ่าฝูงได้อย่างสนุก ผลเสมอแบบมีสกอร์ดูเป็นไปได้สูง

ฟันธง : ลิเวอร์พูล เสมอ 1-1

ADS