ชำแหละเบซิคตัส: ตัวอันตราย - แท็กติค - จุดแข็ง - จุดอ่อน

     ลิเวอร์พูล กำลังจะมีคิวต้อนรับการมาเยือนของ เบซิคตัส ในคืนวันพฤหัสบดีนี้ นานร่วมกว่า 7 ปีแล้วที่เราได้เจอกับทีมจากแดน ตุรกี ครั้งสุดท้ายบนเวที แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เราถล่มแหลกไป 8-0 ที่ แอนฟิลด์ พร้อมกับแฮ็ททริคของ ยอสซี่ เบนายูน เป็นสถิติสูงสุดมาถึงทุกวันนี้

     สัปดาห์นี้เราจะได้เจอกับพวกเขาในบ้านก่อน จากนั้นจะกลับไปเตะที่สนาม อตาเติร์ก ถิ่นของ เบซิคตัส บ้าง ในรายการ ยูโรป้า ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบเหย้า-เยือน วันนี้เราจะมาดูกันว่า เบซิคตัส ทีมนี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้างครับ

สไตล์และรูปแบบแผนการเล่น

     ตั้งแต่ สลาเวน บิลิช อดีตผู้เล่นชาวโครเอเชียของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ เอฟเวอร์ตัน มารับงานคุมทีมเมื่อปี 2013 เขาก็ได้สร้างรูปแบบแนวทางให้ทีม และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ในฤดูกาลที่แล้วทีม "อินทรีดำ" จบที่อันดับ 3 ในซูเปอร์ ลีก ตามหลัง กาลาตาซาราย และ เฟเนบาห์เช่

     โดยแนวคิดในการคุมทีมของเขาคือ "พลังล้วนมีแก่ทุุกคน ไม่มีคนรวยหรือจนในทีมนี้ ไม่มีการแบ่งวรรณนะ ผมต้องการทีมที่เกื้อหนุนและช่วยเหลือกันและกัน" นั่นหมายถึงความเป็นทีมที่ช่วยกันอย่างมีทีมเวิร์ค

     สูตรหลักของ เบซิคตัส คือแผน 4-2-3-1 มีกลางรับ 2 ตัว คือ เวลี่ คาฟลัค และ อติบ้า ฮัทชิสัน ตามด้วยแนวรุก 3 คนคือ โกห์คาน ตอเร่, โชเซ่ โซซ่า และ โอลเคย์ ซาฮาน คอยสนับสนุนหน้าเป้าอย่าง เดมบ้า บา แต่คาดกันว่าแผนที่จะใช้เยือน ลิเวอร์พูล คือ 4-1-4-1 ที่เน้นความยืดหยุ่นและครอบคลุมพื้นที่ให้มากกว่าเดิม เน้นการครองบอลและเล่นเกมรุกในด้านข้าง

คีย์แมน

     เดมบ้า บา หลังจากเคยฝากรอยแค้นให้หงส์แดงเมื่อซีซั่นที่แล้ว ด้วยการยิง 1 ประตูที่ทำให้เราต้องชวดแชมป์อย่างน่าเจ็บแสบ บา วัย 29 ปี ก็ย้ายมาเล่นใน ซูเปอร์ ลีก ด้วยค่าตัว 4.7 ล้านปอนด์ หลังต้องกลายเป็นส่วนเกินในแผนการทำทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือโปรตุกีสของ เชลซี

     ที่ ตุรกี บา กลายมาเป็นกลจักรสำคัญในการถล่มประตู วัดได้จากสถิติ 16 ประตู จากการลงเล่น 20 นัดในฤดูกาลนี้ ยังไม่รวมถึง 5 ประตู ใน 4 เกมบน ยูโรป้า ลีก และแน่นอนว่านี่คือตัวที่เราต้องจับตายให้อยู่หมัด เอาให้ตายเลยว่างั้น

     นอกเหนือจาก บา ยังมีเพลย์เมกเกอร์เบอร์ 10 อย่าง โซซ่า วัย 29 ปี ที่ฟอร์มเทพเช่นกันหลังจัดไป 5 แอสซิสต์ จากการเล่น 14 เกมในลีก และยิงไปแล้ว 3 ประตู ถือว่าผลงานไม่ธรรมดาอีกคนนับตั้งแต่ย้ายมาจาก แอตเลติโก มาดริด ในซัมเมอร์ที่ผ่านมา เรียกว่ายอดเยี่ยมทั้งเกมรับ, การสร้างสรรค์ และ การเล่นลูกเซตพีท

     อีกคนที่ต้องพูดถึงก็คือ แซร์ดาร์ เคอร์ตูลัส แบ็คขวาตัวจี๊ดวัย 27 ปี ดีกรีทีมชาติ ตุรกี ที่พร้อมจะคุกคามแนวรับของ ลิเวอร์พูล ให้อยู่ไม่สุขอีกคน ด้วยค่าเฉลี่ยที่ร้ายกาจ เข้าปะทะเฉลี่ย 3.5 ครั้งต่อเกม และ ตัดบอลได้ 1.5 ครั้งต่อเกม แถมยังเล่นลูกกลางอากาศได้แจ๋ว ว่ากันว่าสไตล์ของเขาใกล้เคียงกับ ฆาเบียร์ มานกิโญ่ ไอ้หนูชาวสเปนของเราอะไรทำนองนั้น

ตัวละครลับ

     นอกเหนือจาก 3 ตัวหลักที่พูดถึงไปแล้วนั้น ร็อดเจอร์ส ยังมีคนให้ต้องกังวลใจอีกตัวก็คือ เคริม ฟราย อดีตกองกลางจาก ฟูแล่ม ด้วยบทบาทโคตรซูเปอร์ซับให้ทีม ลุกจากม้านั่งสำรอง 11 หน ยิงได้ 3 ประตูในลีกฤดูกาลนี้ ด้วยทักษะที่เปี่ยมด้วยความเร็ว และบุกแบบร้อนแรง ครั้งหนึ่งเคยได้รับฉายาว่าจะเป็นถึง นิว ลีโอเนล เมสซี่ มาแล้วสมัยอยู่ที่ ฟูแล่ม

จุดแข็งและจุดอ่อน

     อย่างที่กล่าวมาทั้งหมด สไตล์การบุกของ เบซิคตัส คือการขึ้นเกมทางกราบและปีกสองฝั่ง โดยให้ โซซ่า เก็บบอลเหนือแนวรับ ลิเวอร์พูล และมองหาผู้เล่นด้านข้างที่ได้เปรียบอย่าง ทอเร่ และ ซาฮาน ที่จะคอยจ่ายบอลต่อให้ บา อีกที

     จุดเด่นของ บา ไม่ใช่ความคมในการจบสกอร์แต่เป็นการพักบอลและการเคลื่อนที่ๆ ชาญฉลาด ซึ่งหัวหอก เซเนกัล จะสร้างความลำบากใจในการประกบตัวอย่างแน่นอน ยามที่ได้เล่นเกมเคาน์เตอร์แอ็ทแท็ค

     ดังนั้นหนทางที่เราจะชนะ เบซิคตัส ได้คือการมีสมาธิกับเกม และทำลายเกมทางกราบของ เบซิคตัส ให้ได้นั่นเอง พร้อมใช้จุดแข็งของระบบการครองบอลของเราจัดการช่องโหว่คู่ต่อสู้ ซึ่งว่ากันตามตรงชั่วโมงนี้ ลิเวอร์พูล กำลังเข้าขาและเข้าฝักกันยกทีม ไม่ว่าจะ สเตอร์ริดจ์ หรือ บาโลเตลลี่ ดังนั้นเกมพฤหัสนี้ไม่น่ายากครับทุกๆ คน น่าจะได้เชียร์กันอย่างสบายใจ