หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / เก็บตก 5 เรื่องราวหลังจบเกม "เมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้"

เก็บตก 5 เรื่องราวหลังจบเกม "เมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้"

เก็บตก 5 เรื่องราวหลังจบเกม เมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้

เก็บตก 5 เรื่องราวหลังจบเกม "เมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้"

          แม้ว่าผลการแข่งขันอาจไม่เป็นใจสำหรับแฟนบอล "เดอะ ค็อป" สักเท่าไหร่นัก แต่การจบลงด้วยผลเสมอก็ไม่เลวร้ายจนเกินไป (ในมุมมองของผม) ซึ่งวันนี้จะพาไปชม 5 เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเกมว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ฟอร์มอันเจิดจรัสของ จอร์แดน ไอบ์ ดาวรุ่งที่ลงสนามเป็นตัวจริงให้กับทีมชุดใหญ่เกมแรกในชีวิตและศึก "เมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้" หรือดาร์บี้สั่งลา "มิสเตอร์ลิเวอร์พูล" สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไปรับชมกันได้เลย...


 

1. ดาร์บี้สั่งลา เจอร์ราร์ด ไม่สมหวังดั่งที่คาด

LIVERPOOL, ENGLAND - Friday, February 6, 2015: Liverpool's captain Steven Gerrard leads his side out for his last ever Merseyside Derby during the Premier League match against Everton at Goodison Park, the 224th Merseyside Derby. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          อย่างที่ทราบกันดีว่าฤดูกาลนี้จะเป็นซีซั่นสุดท้ายระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และเกมนี้จะเป็น ดาร์บี้แมตช์ ครั้งสุดท้ายในฐานะนักเตะ "หงส์แดง" ของเขา ซึ่งยอดกัปตันคนเก่งลงเตะในศึกพี่น้องสองสีไปแล้วถึง 33 เกมในทุกรายการตลอด 16 ปีที่ร่วมเดินทางกันมา อย่างไรก็ดี ผลการแข่งขันที่จบลงด้วยการเสมอกันไป 0-0 ทำให้ภาพสุดท้ายของ "กัปตันเจิด" ไม่น่าเป็นที่ประทับใจสักเท่าไหร่ แม้ว่าเจ้าตัวจะเกือบทำประตูให้กับทีมจากลูกฟรีคิกก็ตามที


 

2. เจ้าหนู ไอบ์ กับฟอร์มอันตื่นตาและความสามารถสุดยอดเยี่ยม

          เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเปรียบเสมือน เจอร์ราร์ด ที่ต้องอำลาจากทีมไป ก็ยังมีดวงจันทร์ที่อยู่บนฟ้าสว่างไสวในยามค่ำคืนดั่งเช่น จอร์แดน ไอบ์ เจ้าหนูวัย 19 ปี ที่กุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ตัดสินใจส่งลงสนามเป็นตัวจริงเกมแรกและยังเป็นเกมใหญ่ระดับ "เมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้" อีกด้วย ชนิดที่เบียด ลาซาร์ มาร์โควิช หลุดเป็นสำรองนั่งอยู่ข้างสนาม

LIVERPOOL, ENGLAND - Friday, February 6, 2015: Liverpool's Jordon Ibe in action against Everton during the Premier League match at Goodison Park, the 224th Merseyside Derby. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          หลังจบเกม หลายฝ่ายต่างออกมาชื่นชมฟอร์มการเล่นของ ไอบ์ ในเกมดังกล่าว ถึงฝีเท้าและความสามารถของเขา ด้วยเกมรุกที่ทำได้หวือหวาแบบที่กองหลัง เอฟเวอร์ตัน ต้องประกบกันเหนื่อย และสภาพร่างกายที่ฟิตสดวิ่งได้ตลอดทั้งเกม นับว่าเป็นตัวอนาคตไกลของ ลิเวอร์พูล พอ ๆ กับ ราฮีม สเตอร์ลิง และ เอ็มเร่ ชาน สองแข้งตัวหลักอายุน้อยที่ลงสนามให้กับทีมอย่างต่อเนื่อง ก็หวังว่าเขาจะสามารถขยับขึ้นมายึดตัวจริงได้


 

3. ชาน ทำคอมโบโชว์ฟอร์มแจ่มหลายเกมติด

          หนึ่งในผู้เล่นดาวรุ่งที่โชว์ฟอร์มดีต่อเนื่องให้กับทีมอย่าง เอ็มเร่ ชาน นักเตะเยอรมันเชื้อสายเติร์กวัยเพียง 21 ปี ซึ่งการย้ายมาจาก เลเวอร์คูเซ่น ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และดูเหมือนจะเป็นดีลที่ผิดพลาดของ "หงส์แดง" หลังเจ้าตัวไม่สามารถยึดตัวจริงได้เลย แถมยังมีอาการบาดเจ็บรบกวนจนแทบจะไม่มีชื่อเป็นแม้กระทั่งตัวสำรองด้วยซ้ำ แต่วันเวลาผ่านหลายเดือน จนกระทั่งโอกาสทองมาถึงในสถานการณ์ที่ทีมต้องปรับมาเล่นหลังสามคน โดยเขาเป็นเพียงแค่ตัวเลือกอันดับ 5 ของแผงหลังเท่านั้น เพราะนี่ไม่ใช่ตำแหน่งธรรมชาติของ ชาน

LIVERPOOL, ENGLAND - Friday, February 6, 2015: Everton's Romelu Lukaku in action with Liverpool's Emre Can during the Premier League match at Goodison Park, the 224th Merseyside Derby. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          แต่โชคชะตาเป็นใจสุด ๆ เมื่อ โคโล ตูเร่ ต้องไปรับใช้ทีมชาติ ไอวอรี่โคสต์ บวกกับสภาพความฟิตของ เดยัน ลอฟเรน ที่ไม่สามารถลงสนามเป็นตัวจริงได้ ทำให้เขาได้โอกาสลงเล่นนับตั้งแต่นั้นมา โดยในเกมนี้ ชาน มีสถิติที่สุดยอด ด้วยการเอาชนะคู่แข่งจากจังหวะปะทะได้ 100% (5 ครั้ง) และยังมีเปอร์เซ็นต์การจ่ายบอลแม่นยำสูงถึง 87% เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีจังหวะกระชากลากเลื้อยจากแดนกลางให้เห็นบ่อย ๆ จนทำให้เรานึกถึง แดเนี่ยล แอ็กเกอร์ ปราหลังรุ่นพี่ที่เล่นสไตล์นี้เช่นเดียวกัน


 

4. อาจจะเห็นเงียบ ๆ แต่ศักยภาพพี่เพียบนะครับ (โจ อัลเลน)

          เกือบจะเป็นข่าวร้ายอยู่แล้วเชียว หลังเล่นไปได้เพียง 16 นาที ก็ต้องมาเสีย ลูคัส เลว่า มิดฟิลด์ตัวรับธรรมชาติที่เจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว อย่างไรก็ดี ร็อดเจอร์ส ตัดสินใจเร็วด้วยการส่ง โจ อัลเลน ลงมาเล่นแทน ซึ่งผลปรากฏว่าเขานั้นสามารถสู้กับกองกลางของ เอฟเวอร์ตัน ได้อย่างสนุกสูสี แถมยังทำงานร่วมกับคนอื่น ๆ ได้ดีอีกด้วย โดยเฉพาะ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แม้ว่าเขาอาจจะไม่โดดเด่นสักเท่าไหร่ในเกมนี้ แต่คุณภาพของการออกบอลทั้งหมด 68 ครั้ง เข้าเป้าถึง 91.2% ถือเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับแดนกลางของ "หงส์แดง" ในยุคที่เน้นการต่อบอลเป็นหลัก

LIVERPOOL, ENGLAND - Sunday, August 17, 2014: Liverpool's Joe Allen in action against Southampton during the Premier League match at Anfield. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          นอกจากนี้หน้าที่ในการตัดเกมแดนกลางหรือไล่บอลเพรสซิ่งเร็วของเขายังสอดประสานกับ เฮนเดอร์สัน ได้อย่างลงตัว และยังทำให้งานของ "เฮนโด้" มีคนคอยช่วยอีกแรง แม้ว่ารูปร่างอาจจะเล็กไปสักนิดสำหรับ อัลเลน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความขยันและความแน่นอนในการเล่น ซึ่งเชื่อว่าในวันที่เขาท็อปฟอร์มสุด ๆ ก็คงไม่ต้องอะไรกับช่วงพีคของ ชาบี อลอนโซ่ อดีตมิดฟิดล์ตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล (แม้ว่าอาจจะวางบอลยาวไม่แม่นเท่านั้นเอง)


 

5. เอาอีกแล้ว! การแก้เกมสุดเห่ยของ "บีร็อด"

LIVERPOOL, ENGLAND - Friday, February 6, 2015: Liverpool's physiotherapist Chris Morgan gives manager Brendan Rodgers an update after Daniel Sturridge leaves the substitute bench down the tunnel against Everton during the Premier League match at Goodison Park, the 224th Merseyside Derby. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          เป็นเรื่องที่ต้องตั้งคำถามกันไปอีกนานสำหรับการเปลี่ยนตัวผู้เล่นระหว่างเพื่อแก้เกม ไม่ว่าจะเป็นการถอด ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ออกเพื่อส่ง แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ลงสนามแทน ทั้ง ๆ ที่สองคนนี้น่าจะประสานงานกันได้เข้าคู่กว่าคนอื่น และการส่ง ริคกี้ แลมเบิร์ต ลงสนามในช่วงท้ายเกมไปแทน ราฮีม สเตอร์ลิง นอกจากเวลาที่เหลือให้กับ แลมเบิร์ต ยังน้อยนิดแล้ว การเคลื่อนที่ของเขายังไม่สามารถช่วยเหลือทีมได้เลย กลายเป็นทำให้งานของแนวรับ เอฟเวอร์ตัน เล่นได้ง่ายกว่าเดิมจากตอนที่ สเตอร์ลิง อยู่เสียอีก ซึ่งทำให้ ลาซาร์ มาร์โควิช ปีกตัวจี๊ดต้องนั่งนิ่งอยู่บนม้านั่งสำรองจนจบเกม


 

ADS