หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / 5 ฤดูกาลแห่งความทรงจำของ "เดอะ ค็อป"

5 ฤดูกาลแห่งความทรงจำของ "เดอะ ค็อป"

police 2014-02-26 17:46:09
5 ฤดูกาลแห่งความทรงจำของ เดอะ ค็อป

     ถึงแม้ "หงส์แดง" จะไม่เคยผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เลย นับตั้งแต่ปี 1990 หรือยาวนานกว่า 23 ปีมาแล้ว แต่ลิเวอร์พูล ก็ใช่ว่าจะไม่มีทีมซึ่งแข็งแกร่งซะทีเดียว เพราะจริงๆแล้วบางฤดูกาลเด็กหงส์ก็เคยบินสูงฉวัดเฉวียนอยู่แถวโซนลุ้นแชมป์ และก็มีแข้งดาวรุ่งผุดขึ้นมาเป็นสตาร์ที่น่าจับตามองอยู่ไม่น้อย ส่วนทีมชุดไหนบ้างของลิเวอร์พูล ที่เคยสร้างความประทับใจให้กับบรรดา "เดอะ ค็อป" นับตั้งแต่ปี 1990 จนถึงปัจจุบัน

1995-96 สไปซ์ บอย ทีม


      เป็นทีมสร้างที่ขึ้นมาต่อจากยุครุ่งเรือง นำทัพโดยรอย อีแวนส์ ผู้จัดการทีมมาดติ๋ม ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่า ทีมชุดนี้จะกลับมาคว้าแชมป์ได้สำเร็จในรอบ 5 ปี เพราะศักยภาพถือว่าคับแก้ว รวมถึงรูปแบบการเล่นก็น่าตื่นตาตื่นใจ ในสไตล์ พาส แอนด์ มูฟ คล้ายกับยุคปลาย 70 ที่มีเคนนี่ ดัลกลิช เป็นแกนนำ ซึ่งทีมชุด 95-96 มีสองสตาร์ขวัญใจวัยรุ่น ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ดาวยิงขาโจ๋ และปีกมาดเซอร์ สตีฟ แม็คมานามาน 

     อย่างไรก็ตาม การที่ทีมชุดดังกล่าวไปไม่ถึงดวงดาว ก็เนื่องจากการพึ่งพานักเตะรายบุคคลมากเกินไป บวกกับฟอร์มการเล่นซึ่งขาดความคงเส้นคงวา วันไหนฟาวเลอร์ ยิงได้ หรือ "แม็คก้า" สร้างสรรค์เกมได้ ทีมก็ชนะ แต่หลายๆครั้งที่ 2 แข้งที่ว่าถูกจับตาย ลิเวอร์พูล ก็พ่ายได้แม้กระทั่งทีมอย่างอิปสวิช คาแอนฟิลด์

     อีกจุดหนึ่งที่เป็นตัวฉุดให้ดรีมทีมชุดนี้ไปไม่ถึงฝั่งก็คือ วินัยซึ่งหย่อนยาน มีการนัดออกเที่ยวยามราตรีกันบ่อยครั้ง บ้างก็ทะเลาะกันเองจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ จนถูกตั้งฉายาว่าแก๊ง "สไปซ์ บอยส์" ส่งผลให้กลุ่มสายเลือดใหม่ไปไม่ถึงดวงดาว และแตกแยกกันไปในที่สุด

2000-2001 ทริบเบิ้ล แชมป์


     เป็นอีกหนึ่งทีมที่ถูกตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูง โดยผสมผสานไปด้วยนักเตะท้องถิ่นซึ่งก้าวขึ้นมาจากชุดเยาวชนอย่าง เจมี่ คาร์รารเกอร์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ไมเคิ่ล โอเว่น และ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ และตัวเก๋าทั้ง ดีทมาร์ ฮามันน์, เจมี่ เร้ดแน็ปป์, ซามี่ ฮูเปีย และ แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์ รวมไปถึงแข้งชื่อดังที่ถูกดึงเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น เอมิล เฮสกี้, วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ และ แพทริก แบเกอร์ ซึ่งทั้งหมดต่างพกดีกรีระดับชาติ

     พวกเขาก้าวนำความสำเร็จ ด้วยการคว้า 3 แชมป์ในปี 2001 (ลีก คัพ, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า คัพ) ทั้งที่นักเตะในทีมมีค่าเฉลี่ยน้อยมาก ขนาด 3 แกนนำทั้ง โอเว่น, เจอร์ราร์ด และ คาร์ราเกอร์ ยังมีอายุยี่สิบต้นๆเท่านั้น ซึ่งหลายๆฝ่ายเชื่อว่า ทีมชุดนี้ไปถึงแชมป์ลีกแน่นอน อย่างไรก็ตาม การเสริมทัพที่ผิดพลาดในช่วงหลังของ เชร่าร์ อูลิเย่ร์ ทำให้ระบบการเล่นไม่มีทรง ชนะทีมใหญ่ แต่แพ้ทีมเล็ก

     ขณะที่การวางแท็คติก ก็ไม่หลากหลาย เน้นการเข้าทำแบบเดิมๆ โดยใช้จังหวะฉาบฉวย โยนจากหลังขึ้นหน้าไปหวังน้ำบ่อหน้าจาก โอเว่น จนคู่ต่อสู้จับทางได้ และในที่สุด "หงส์แดง" กลายเป็นทีมดาดๆ จากที่เคยลุ้นแชมป์ จนไม่มีอะไรให้ลุ้นแม้แต่ตำแหน่งท็อป-โฟร์

2004-05 แชมเปี้ยนส์ ลีก ทีม


     การเข้ามาบริหารทีมปีแรกของ ราฟาเอล เบนิเตซ ก็สร้างความตื่นตะลึงให้แฟนบอลทั่วโลก ด้วยการพา "หงส์แดง" ผงาดเป็นจ้าวยุโรป แบบหักปากกาเซียน ซึ่งชุดดังกล่าว มีดาราชูโรงอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ซึ่งว่ากันว่าหากไม่มี "เจิด" ลิเวอร์พูล คงตกรอบแบ่งกลุ่มไปแล้ว และทีมชุดนั้น ไม่ค่อยมีลุ้นมากนักในตารางพรีเมียร์ลีก บั้นปลายได้เพียงอันดับ 5 หากจะบอกว่าชุดปี 2005 มีเจอร์ราร์ด เล่นอยู่คนเดียวก็ไม่ผิดนัก เพราะแทบไม่มีดาวเตะรายใดโดดเด่นขึ้นมาเลย

     อาจจะมีบางช่วงเวลาของ หลุยส์ การ์เซีย กับลูกยิงสวยๆ ในเกมสำคัญๆ ก็พอเอามาอวดได้บ้าง หรือ ชาบี อลอนโซ่ ที่เพิ่งก้าวขึ้นมาเป็นแกนนำ ก็มีช็อตวางบอลยาวๆและฟรีคิกแม่นๆให้เห็น และแน่นอนว่าแบบแผนการเล่น เน้นรัดกุม และฉาบฉวยเป็นหลัก ไม่มีการต่อบอลที่วูบวาบแต่อย่างใด

2008-09 โกลเด้น โมเมนต์


     เป็นทีมชุด 2005 เวอร์ชั่นสมบูรณ์ เพราะแทบจะถอดแบบการเล่นมาจากชุดดังกล่าว เพียงแต่ได้ลูกเด็ดขาดเพิ่มขึ้นมาจากการผลิตสกอร์ของ เฟร์นานโด ตอร์เรส รวมเข้ากับกับช่วงพีคของ สตีเว่น เจอร์รราด และฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ ชาบี อลองโซ่ ส่งผลให้ "หงส์แดง" เกือบจะเพอร์เฟ็กต์ หากว่า "เอล บอส" ไม่จิตหลุดในช่วงท้ายซีซั่นที่ไปเล่นสงครามน้ำลายกับ เซอร์ อเล็กซ์ จนทีมรวน วืดแชมป์ไปอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่แพ้แค่ 2 เกมในลีกตลอดซีซั่น

     จากนั้นมา ราฟาเอล เบนิเตซ เจอมรสุมรอบด้าน ทั้งการทะเลาะกันกับฝ่ายบริหาร รวมถึงการเสียแกนหลักอย่าง อลองโซ่ เช่นเดียวกับอาการบาดเจ็บที่รุมเร้า ตอร์เรส ตลอดซีซั่น แถม เจอร์ราร์ด ก็ฟอร์มตก ประกอบกับการซื้อตัวที่ผิดพลาด ส่งผลให้ทีมเสียสมดุล และออกทะเลไปในที่สุด พร้อมกับ เบนิเตซ ถูกเด้งออกจากตำแหน่งแม่ทัพไปอย่างรวดเร็ว ทั้งที่เพิ่งต่อสัญญายาวออกไป

2013-14 ทีมแห่งความหวัง


     กลับมาเล่นกันอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง และทำไปทำมาพวกเขาถูกโยงให้กลายเป็นทีมม้ามืดที่จะลุ้นแชมป์ ทั้งที่ช่วงปรีซัซั่น ถูกตราหน้าว่าไม่มีลุ้นแม้แต่พื้นที่ 1 ใน 4 อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล มาแบบเงียบๆ แต่แน่นอน เวลานี้ตามหลังจ่าฝูงแค่ 4 แต้ม โดย "หงส์แดง" ยุคใหม่เล่นเกมรุกกันได้อย่างเร้าใจ มีการค้นลิ้นชักนำเอารูปแบบ พาส แอนด์ มูฟ กลับมาใช้อีกครั้ง หลังจากถูกลืมไปตั้งแต่ปี 1995-96

     แน่นอนว่าทีมชุดนี้มีสตาร์ดังอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ รวมถึงลูกเก๋าของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และลูกสดของ ราฮีม สเตอร์ลิง ก็ช่วยได้เยอะ จนสื่อหลายสำนัก และ "เดอะ ค็อป" สายพันธ์แท้ เชื่อกันว่า ทีมรักจะไปไกลถึงแชมป์พรีเมียร์ลีก ทั้งที่จะว่าไปค่าเฉลี่ยประสิทธิภาพทีมชุดนี้ยังสู้ชุดที่ผ่านๆมาไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ด้วยสถานการณ์ ซึ่งเอื้ออำนวยมากกว่า ก็คงต้องมาลุ้นกันยาวๆ

ADS