หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / ลิเวอร์พูลกับ23ปีที่รอคอย

ลิเวอร์พูลกับ23ปีที่รอคอย

police 2014-02-19 15:34:54
ลิเวอร์พูลกับ23ปีที่รอคอย


     ชั่วโมงนี้ แฟนบอลตกอยู่ในภวังค์ "ลิเวอร์พูล ฟีเวอร์" กันหมดแล้ว หลายๆสำนักพยายามจะหาเหตุผล รวมถึงสถิติเก่าๆสารพัดมาอ้าง เพื่อจะดัน "หงส์แดง" เป็นแชมป์ลีกปีนี้ให้ได้ หรือพูดตามหลักทฤษฎีสมคบคิดนั่นแหละ ซึ่งก็ไม่แปลก ในเมื่อทีมรักของใครหลายๆคนมีลุ้นมากกว่าทุกๆปี ยังไงก็ต้องมีไอเดียต่างๆผุดขึ้นมาหักล้างกันบ้าง

     นับตั้งแต่ฤดูกาล 1989-90 เป็นต้นมา หรือ 23 ปีก่อน "เดอะ ค็อป" แทบไม่เคยเห็นทีมรักใกล้เคียงกับความสำเร็จในบอลลีก และที่เจ็บปวดกว่านั้นก็คือการต้องนั่งมองอริอย่างแมนฯ ยูไนเต็ด เถลิงแชมป์ปีแล้วปีเล่า จากเดิมที่เคยคิดว่ายังไง "ปิศาจแดง" คงตามไม่ทัน แต่หันมาอีกที เด็กผีแซงหน้าไปเฉย


     อาจจะมีบางซีซั่นที่ทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ ได้เงยหน้าอ้าปากโผล่ขึ้นมาเป็นทีมเต็งบ้าง อย่างในฤดูกาล 2001-02 ซึ่งปีดังกล่าวเด็กหงส์มั่นใจกันเต็มที่ ว่าจะเป็นปีทองของพวกเขา เพราะทีมชุดนั้นต่อยอดมาจาก "เทรเบิ้ล 2001" (คว้าแชมป์ลีก คัพ, เอฟเอ คัพ และยูฟ่า คัพ) แถมยังคับคั่งไปด้วยสตาร์อนาคตไกลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เอมิล เฮสกี้, ไมเคิ่ล โอเว่น, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ซึ่งทั้งหมดอยู่ในช่วงอายุ 20 ต้นๆเท่านั้น


     อย่างไรก็ตาม "หงส์แดง" ที่ซีซั่นดังกล่าวทำได้เยี่ยมมากแล้ว เมื่อแพ้แค่ 6 ครั้งตลอดซีซั่น และมีช่วงหนึ่งที่ไร้พ่าย 13 เกมติดต่อกัน แต่พวกเขาโชคร้าย เพราะอาร์เซน่อล ซึ่งแข็งแกร่งเหลือเกิน ทำให้ ลิเวอร์พูล ทานแรงเสียดสีไม่ไหว รับบทพระรอง ตามหลัง "ไอ้ปืนใหญ่" ที่เป็นแชมป์อยู่ 7 แต้ม

     ส่วนสาเหตุหลักอื่นๆที่พลพรรค "เครื่องจักรสีแดง" วืดแชมป์ ก็คือเกมในบ้าน ซึ่งทำคะแนนหลุดมือมากเกินไป บวกกับปัญหาฟอร์มตกเวลาเจอกับทีมเล็ก โดยเฉพาะครึ่งซีซั่นแรก ทั้งนี้ "เดอะ ค็อป" ยังพอมีเรื่องดีๆให้คุยกันในปีนั้นก็คือ พวกเขามีอันดับสูงกว่า คู่รักคู่แค้นอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด

     เด็กๆชุดนั้น หยุดพัฒนาการไปอย่างไม่น่าเชื่อ และไม่สามารถรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ได้ และแทบไม่มีโอกาสลุ้นแชมป์อีกเลย กระทั่งปล่อยเวลาล่วงเลยมาถึง 6 ฤดูกาล โดยในซีซั่น 2008-09 ที่พูดกันมาเป็นตำนานจนถึงตอนนี้ ว่าพวกเขาพลาดแชมป์ไปได้อย่างไร

     แพ้แค่ 2 เกมตลอดซีซั่น บุกไปชนะเชลซีในรอบหลายปี ยกพลทุบสองทีมจากแมนเชสเตอร์ อย่างหมดจด ตอร์เรส, เจอร์ราร์ด เรียงหน้ากระทุ้งตาข่ายอย่างสนุกเท้า 
สถานการณ์ปูให้พวกเขาเป็นแชมป์ แต่อนิจจาหากวันไหนสองคนนั้นฟอร์มตก เครื่องจักรสีแดงก็สนิมเกาะ เสมอฟูแล่ม, เสมอเวสต์แฮม, เสมอฮัลล์, เสมอสโต๊ค 4 เกมดังกล่าวในแอนฟิลด์เป็นจุดเปลี่ยนให้ "หงส์แดง" กลายเป็นพระรองอีกครั้งในบั้นปลาย



     ส่วนฤดูกาลปัจจุบัน ลิเวอร์พูล ฟื้นตัวกลับมาลุ้นแชมป์อีกแล้วหรือ? ทำไมถึงมองไกลขนาดนั้น ทั้งๆที่อันดับรั้งเพียงที่ 4 นำอันดับ 5 อย่างสเปอร์สแค่ 3 แต้ม มองเผินๆ โอกาสร่วงลงไปลำดับ5 หรือ 6 นั้นมีเปอร์เซนต์สูงกว่าจะเป็นแชมป์เสียอีก แต่ทำไมกระแส "หงส์แดง" ถึงมาแรง? ไม่ใช่เฉพาะ "เดอะ ค็อป" ที่มั่นใจ ทั้งสื่อมวลชน ตัวนักเตะ ไม่เว้นแม้แต่ผู้จัดการทีมฝ่ายตรงข้ามอย่างโชเซ่ มูรินโญ่

     จะบอกว่าสถานการณ์อำนวยก็ไม่ผิด ประกอบกับลิเวอร์พูล แก้ไขจุดอ่อนของตัวเอง ก็คือผลงานในแอนฟิลด์ จากบทเรียนเก่าๆซึ่งทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์มักจะตกม้าตายในบ้านตัวเองยามเผชิญทีมเล็ก แต่มาปีนี้ "หงส์แดง" แทบไม่ทำคะแนนหลุดมือในรังของตัวเองเลย ชนะ 11 จาก 13 เกม แสดงให้เห็นแล้วว่าเจ๋งแค่ไหน เช่นเดียวกับฟอร์มนอกบ้านก็ถือว่าสม่ำเสมอคือเจอทีมเกรดต่ำกว่า พวกเขาชนะ เจอทีมระดับเดียวกันก็พร้อมจะมีคะแนนกลับบ้าน


     รวมถึงรูปแบบการเล่นซึ่งมีคุณสมบัติของทีมแชมป์อย่างแท้จริง เกมรุกสนุกดุดัน ยิงประตูระเบิด ไม่เล่นเน้นจังหวะฉาบฉวย เหมือนในยุคเชราร์ อูลิเย่ร์ หรือ ราฟาเอล เบนิเตซ และไม่หวังพึ่งกองหน้าเพียงคนเดียวเหมือนยุค ฟาวเลอร์ หรือ โอเว่น ครองเมือง หรือพีเรียดถัดมาที่ต้องลุ้นไม่ให้ ตอร์เรส กับ เจอร์ราร์ด ฟอร์มรูด

     อย่างครั้งนี้ วันไหน ซัวเรซ บอด สเตอร์ริดจ์ หรือ สเตอร์ลิง ก็จัดให้แทน บางจังหวะมี "เจิด" กับ "เฮนโด้" สอดขึ้นมายิง นอกจากนี้การก้าวลงจากตำแหน่งของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำให้ลิเวอร์พูล หมดคู่แข่งไปหนึ่งทีม เนื่องจากการเข้ามาทดแทน โดย เดวิด มอยส์ คาดว่าต้องใช้เวลาปรับทีมอีกสักพัก

     ไหนจะบรรดาคู่แข่งหัวตารางต่างไม่มีทีมไหนโดดขึ้นมาเลย ต่างฝ่ายสลับหน้ากันพลาด ทั้งแมนฯ ซิตี้, อาร์เซน่อล หรือแม้แต่เชลซี แถมอริแย่งแชมป์ยังมีโปรแกรมโหดในศึกยูซีแอล มาคั่นกลางอยู่เกือบทุกสัปดาห์ ต่างจากในช่วงปี 2001-02 และ 2008-09 ซึ่งอาร์เซน่อล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ผูกขาด และนำโด่งตั้งแต่ต้นฤดูกาลแบบม้วนเดียวจบ

     อีกทั้งโปรแกรมต่อจากนี้ของลิเวอร์พูล ค่อนข้างเป็นใจ เพราะแทบจะไม่มีเกมหนักเหลืออยู่ อาจยังมีคิวเปิดบ้านเจอกับ แมนฯ ซิตี้ กับ เชลซี แต่ก็อย่างที่บอกว่าเล่นในแอนฟิลด์ หากเด็กหงส์เก็บได้ 6 คะแนนเต็ม ก็มีสิทธิ์เฮกันยาวๆ และขึ้นอยู่กับตัวนักเตะเองว่าจะทำได้หรือไม่ เพื่อหยุดการรอคอย 23 ปี อันยาวนานลงเสียที 

ADS