หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / 10 เหตุผลลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์ลีก

10 เหตุผลลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์ลีก

police 2014-02-14 17:03:16
10 เหตุผลลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์ลีก

1. พวกเขาเคยทำสำเร็จมาแล้ว ในฤดูกาล 1985-86 ซึ่งลูกทีมของ เคนนี่ ดัลกลิช ในเวลานั้น ตามหลังจ่าฝูงเอฟเวอร์ตัน อยู่ 5 แต้ม ในขณะที่เหลือ 13 เกมสุดท้าย จากนั้นก็ถูก "ทอฟฟี่เมน" ฉีกหนีเป็น 8 คะแนน หลังจาก "หงส์แดง" ถูกเอฟเวอร์ตัน บุกมาชนะถึงแอนฟิลด์ 2-0 อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มเทพด้วยการเข้าวิน 11 เกม และเสมอ 1 เกม พร้อมกับปาดหน้าคว้าแชมป์ ทิ้งอันดับ 2 อย่างเอฟเวอร์ตัน 2 แต้ม ไปอย่างเหลือเชื่อ

Double winners: Ronnie Whelan (left), Kenny Dalglish, Mark Lawrenson, Steve McMahon, Alan Hansen and Craig Jonhstone celebrate

2. ลิเวอร์พูล มีสถิติเกมเหย้าที่ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีก อีกทั้งแมนฯ ซิตี้ และเชลซี มีคิวบุกรังแอนฟิลด์ และโชเซ่ มูรินโญ่ เป็นคนบอกเองว่า "สิงห์บลูส์" จะไม่ได้แชมป์ เพราะฉะนั้นหากเอาชนะทั้งสองทีมที่อยู่ในกลุ่มหัวตารางด้วยกัน จะเป็นการเดินหน้าล่าแชมป์อย่างเต็มตัว

Home comforts: Liverpool have already beaten Manchester United, Everton and Arsenal at Anfield this season

3. "หงส์แดง" อาจจะไม่เคยบุกชนะแมนฯ ยูไนเต็ด ถึงโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มาตลอด 5 ปีหลังสุด ในยุคซึ่งเซอร์เอล็กซ์ ดวลกึ๋นกับ ราฟา เบนิเตซ แต่ตอนนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ในยุค เดวิด มอยส์ เนื่องจากบรรดาทีม ลูกไล่อย่าง เวสต์บรอมวิช, เอฟเวอร์ตัน, นิวคาสเซิ่ล และ สเปอร์ส ยังสามารถยกพลมาเก็บ 3 แต้มกลับออกไปได้ อ่อ!!ลืมสวอนซี ในศึกเอฟเอ คัพ ไปอีกเกม

Changing fortunes? Liverpool haven't won a Premier League match at Old Trafford in five years

4. หลังจากเจ๊งชัยอย่างย่อยยับให้กับ ลิเวอร์พูล ส่งผลให้อาร์เซน่อล ตกอยู่อยู่ในสภาวะกดดันอีกครั้ง ภายหลังที่ในทุกๆปี พวกเขามักจะฟอร์มตกในช่วงเวลานี้ พร้อมกับได้ลุ้นแค่อันดับ 4 อย่างปีก่อน "เดอะ กัน เนอร์ส" แพ้ให้กับ ยูไนเต็ด ในลีก ก่อนจะกระเด็กตกรอบเอฟเอ คัพ ด้วยน้ำมือของลิเวอร์พูล ตามด้วยถูกบาเยิร์น อัดร่วงในศึกยูซีแอล

Dejection: Arsenal's Jack Wilshere (left) and Mesut Ozil survey the scene during their 5-1 hammering at Anfield

5. พวกเขาไม่ต้องมีคิวบินไปยูเครน เพื่อทำศึกยูโรป้า ลีก หรือเดินทางไกลไปที่อื่นๆ เพื่อทำศึกยุโรปเหมือนกับคู่แข่งบนหัวตาราง

6. ไม่มีใครยิงได้เยอะเท่ากับ หลุยส์ ซัวเรซ และ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ซึ่งกดรวมกัน 38 ตุง (ซัวเรซ 23 ประตู และสเตอร์ริดจ์ 15 ประตู)

Partnership: No other duo has scored more Premier League goals than Luis Suarez (left) and Daniel Sturridge, 38

7. เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยบอกว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไม่ใช่นักเตะระดับโลก ซึ่งมีน้อยคนนักที่จะพูดแบบนั้น โดยเวลานี้ กัปตันทีม "หงส์แดง" ได้รับบทบาทใหม่ในตำแหน่งกองกลางตัวต่ำ เพราะฉะนั้น หากหวังจะเห็นเขาวิ่งพล่านเหมือนก่อนคงน้อยลง แต่อาจจะเห็นจังหวะจ่ายสวยๆให้กับซัวเรซ กับ สเตอร์ริดจ์ เพิ่มเติมเข้าไปแทน อีกทั้งจังหวะเปิดฟรีคิกสวยๆ ยังเป็นอีกหนึ่งไม้ตายของ "เจิด"

'Top, top player': Steven Gerrard has proven to everyone he can adapt to the holding midfielder role

8. ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เล่นได้ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างเกมกับอาร์เซน่อล เจ้าตัวพิสูจน์ให้เห็นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งปีกซ้าย หรือขวา ซึ่งความเร็วของเขาถือเป็นฝันร้ายสำหรับกองหลังทุกคน และยิ่งไปผสมโรงกับ คู่หู "SAS" ความน่าจึงยิ่งทวีคูน นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้สูงที่ รอย ฮ็อดจ์สัน จะเรียก สเตอร์ลิ่ง ไปลุยเวิลด์ คัพ แทน ธีโอ วัลค็อตต์ ที่เจ็บ

Easy does it: Raheem Sterling's form has gone through the roof in the past month or so, prompting an England recall

9. มีเพียงอาร์เซน่อล ที่มีสถิติดีกว่าลิเวอร์พูล ในการเผชิญหน้ากับคู่แข่งครึ่งล่างของตาราง แต่สถิติดังก่าว กำลังจะถูกทำลายในเร็วๆนี้หลังจาก "หงส์แดง" เก็บชัยไปถึง 11 จาก 14 นัด ยามเจอกับคู่แข่งตั้งแต่ อันดับ 11 ลงไป (ชนะ 11 เสมอ 2 แพ้ 1) เท่ากับมีค่าเฉลี่ยสูงถึง 2.5 คะแนนต่อเกม

Set piece specialist: Lots of work has gone in on the training ground to improve the Reds' free kicks

10. ลิเวอร์พูล เป็นราชาแห่งลูกตั้งเตะในทุกๆพื้นที่ของสนาม ซึ่งเด็กๆของร็อดเจอร์ส กดไปถึง 22 ลูกจากลูกฟรีคิก มากกว่า แมนฯ ซิตี้ 2 ลูก และเชลซี 8 ลูก บวกกับอีก 41 ประตูที่ได้จากการเข้าทำแบบโอเพ่น เพลย์ จึงน่าจะสร้างความวิตกให้กับกองหลังฝ่ายตรงข้ามอย่างมากทีเดียว

ADS