หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / 5 ความจริงอันเจ็บปวด หลังเกมพ่าย "ราชันย์"

5 ความจริงอันเจ็บปวด หลังเกมพ่าย "ราชันย์"

5 ความจริงอันเจ็บปวด หลังเกมพ่าย ราชันย์

     ผ่านไปแล้วนะครับ สำหรับโปรแกรมการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดที่ 3 เมื่อคืนที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าทีมรักของเรา ต้องพ่ายให้กับแชมป์เก่าอย่าง "ราชันย์ชุดขาว" คาบ้านไปถึง 3-0 จากแมตช์นี้เอง ทำให้เราได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง และนี่คือ 5 สิ่ง ที่เราได้เรียนรู้หลังต้องพบเจอกับสกอร์อันน่าช้ำใจนี้

 

1. เกรียนโอ้กับฟอร์มอันน่าหดหู่

 

 

     หากต้องเสียค่าปรับที่มีโอกาสทำประตูแต่ยิงไม่ได้ บาโลเตลลี่ คงต้องหมดตัวแน่นอน ในแมตช์เมื่อคืนเขาถูกเปลี่ยนตัวในช่วงพักครึ่ง จากฟอร์มการเล่นที่เหยาะแหยะ แต่ก็ยังมีอารมณ์ไปแลกเสื้อกับทีมคู่แข่ง ในขณะที่ทีมกำลังเผชิญกับสถานการณ์ย่ำแย่ การดึงตัว เกรียนโอ้ มาร่วมทีม ดูเหมือนจะยิ่งเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆว่าเป็นอะไรที่น่าผิดหวังที่สุดในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล ชื่อของเขาไม่สามารถขู่ให้ฝั่งตรงข้ามเกรงกลัวได้เลย

     "หงส์แดง" แทนที่หัวหอกที่เก่งกาจที่สุดคนหนึ่งในยุโรป ด้วยนักเตะที่ไม่น่าชายตามองเลยสักนิดเดียว คำถามสุดฮอตที่ควรถามกับแมวมองของลิเวอร์พูลก็คือ พวกเขาได้เข้าไปชมเกมที่ ซาน ซิโร่ จริงหรือเปล่า? ถ้าใช่ คำถามต่อมาคือ พวกเขาเห็นอะไรในตัวนักเตะรายนี้? ขอดูรายงานของแมวมองหน่อยได้ป่ะ?

 

2. เจ็ทโด้เฉิดฉายในแอนฟิลด์อย่างกับเดินบนพรมแดง

 

 

     เหมือนดังกับว่าที่ เมอร์ซีย์ไซด์ มีการปูพรมแดง ต้อนรับการมาเยือนของราชันย์แห่งสเปนอย่าง "เรอัล มาดริด" ทีมที่คับคั่งไปด้วยนักเตะซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกมากมาย แม้สุดท้ายลิเวอร์พูลจะต้องพ่ายแพ้ แต่ด้วยสปิริตของชาว "เดอะ ค็อป" ที่ใครๆต่างก็รู้ว่า พวกเขาจะยอมรับในตัวคู่แข่งที่โชว์ฟอร์มสุดยอดเสมอ โรนัลได้ ได้รับการปรบมือทั้งสนามในตอนที่เขาถูกเปลี่ยนตัวในช่วงท้ายเกม จากผลงานอันโดดเด่น ฉีกกระชากแนวรับของลิเวอร์พูลเป็นชิ้นๆ และ โทนี่ โครส ก็ได้รับการปฏิบัติแบบนี้เช่นกัน เมื่อเขาถูกเปลี่ยนตัวหลังจากโรนัลโด้ไม่นาน

     อย่างไรก็ตาม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ควรต้องตั้งความหวังไว้ว่า ผู้เล่นรายต่อไปที่จะคว้าตัวมาร่วมทีม ต้องเป็นนักเตะที่มีฝีเท้าและพรสวรรค์เทียบเท่ากับเหล่าขุนพลของมาดริดในตอนนี้

 

3. ปัญหาเดิมๆของแนวรับ

 

 

     เรอัล มาดริด สร้างสรรค์โอกาสทำประตูได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่รู้กันดีว่าการป้องกันลูกตั้งแต่ของลิเวอร์พูลย่ำแย่เอาซะมากๆ ทีมคู่แข่งจึงจ้องจะกดดันด้วยการเล่นลูกกลางอากาศเข้าใส่บริเวณหน้ากรอบประตูของลิเวอร์พูล ซึ่งบอกตรงๆเลยว่า ได้ผลไม่ต่างกับการเตะจุดโทษ

     มิโญเล่ต์ ทำพลาดอีกครั้งในประตูที่ 3 ของเกม หลังทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกสัปดาห์ และดูเหมือนว่า การคัมแบ็คสู่ถ้วยยุโรปของลิเวอร์พูลจะต้องโบกมือ เซย์ กู๊ดบาย ไปอย่างรวดเร็ว หากปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไขเสียตั้งแต่เนิ่นๆ

     เป็นที่เข้าใจกันดีว่า ข่าวการให้ความสนใจในตัว บิคตอร์ บัลเดส ได้ซาลงไปแล้ว ถ้าอดีตมือกาวของบาร์ซ่ารายนี้ ได้ชมการแข่งขันเมื่อคืน อาจทำให้เขาอย่างลงเฝ้าเสาอยู่หลังแผงแบ็คโฟร์ของลิเวอร์พูลก็เป็นได้

 

4. นักเตะใหม่ไม่สามารถยกระดับทีมได้

 

 

     ในโลกของฟุตบอล นักเตะที่เก่งกาจย่อมมีค่าตัวสูงตามความสามารถ ลิเวอร์พูลไม่ได้ร่ำรวยขนาดว่าจะสามารถจ่ายค่าตัวของ โทนี่ โครส หรือ โรนัลโด้ ได้ และนั่นอาจเป็นการลงทุนที่เสี่ยงเกินไป แต่ทว่าการเซ็นสัญญานักเตะที่คุณภาพไม่มากนัก ส่งผลให้ลิเวอร์พูลต้องพบกับสภาพทีมอันร่อแร่ในตอนนี้ จากความผิดพลาดในเงินจำนวน 4 ล้านปอนด์, 10 ล้านปอนด์ และ 16 ล้านปอนด์ ที่เสียไปให้กับนักเตะสามคน เป็นค่าใช้จ่ายที่หนักพอควร ตอนนี้ก็ทำได้เพียงนับถอยหลังรอให้ถึงวันเปิดตลาดนักซื้อขายนักเตะในเดือนมกราคมนี้

5. สเตอร์ลิ่ง กับภาระอันหนักอึ้ง

 

 

     ห่วงเหลือเกินว่า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จะมีปัญหาบาดเจ็บบริเวณหลัง จากการแบกทั้งทีมเอาไว้ เมื่อคืนนี้เขาเล่นได้อย่างโดดเด่นแม้ทีมจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และเขาอาจจะต้องปรับตัวอยู่ตลอด หลังรับบทบาทถึง 3 ตำแหน่งให้กับทีม จากตอนแรกที่เล่นเป็นปีกริมเส้น ต่อมาคือตำแหน่งกองกลางตัวรุก จนตอนนี้ต้องรับจ๊อบพิเศษเป็นหน้าเป้า จนกว่า สเตอร์ริดจ์ จะหายเจ็บกลับมาลงเล่นได้อีกครั้ง ซึ่งไม่มีตัวเลือกใดในทีมแล้วที่จะรับหน้าที่นี้ได้นอกจาก สเตอร์ลิ่ง

 

 

     แม้จะต้องเป็นฝ่ายปราชัยในเกมนี้ แต่อย่าลืมว่ายังเหลืออีก 3 แมตช์ ที่ต้องลงเตะในรายการนี้ อยากจะขอให้ชาวหงส์ทุกคน อย่าเพิ่งท้อแท้และถอดใจ ถึงวันนี้แพ้ แต่ยังมีวันข้างหน้าเสมอ สิ่งที่ "เดอะ ค็อป" อย่างพวกเราทำได้ ก็มีแต่ส่งแรงใจไปเชียร์ และคอยติดตามทีมรักของเราต่อไป เคยแย่กว่านี้ก็ยังผ่านมาได้ รักกันจริง ต้องไม่ทิ้งให้เดียวหายครับ "You'll Never Walk Alone"

ADS