5 เหตุผลที่ควรดร็อปโอ้นัดเจอราชัน

     จากผลงานในช่วงที่ผ่านต้องบอกเลยว่าน่าผิดหวังจริง ๆ สำหรับ มาริโอ บาโลเตลลี่ ศูนย์หน้ามหาเกรียนที่เราทุ่มทุนถึง 16 ล้านปอนด์ เพื่อดึงเขาเข้ามา แต่ ณ บัดนี้ยังไม่สามารถทำผลงานเป็นชิ้นเป็นอันได้ แถมยังยิงไม่ได้แม้แต่ลูกเดียวในพรีเมียร์ลีก

     ล่าสุดทางสื่อดังอย่าง เดอะ มิเรอร์ ถึงกับวิเคราะห์ฟอร์มการเล่นหัวหอกทีมชาติอิตาลีถึงขั้นยกให้เขาเป็นศูนย์หน้าที่ห่วยที่สุดในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้กันทีเดียว

     จากโอกาสลงสนามในลีกไป 6 เกม เจ้ายังไม่สามารถทำประตูให้ทีมได้เลยสักเม็ดทั้งที่เขามีโอกาสทองเน้น ๆ ถึง 4 ครั้ง กับ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ในนัดที่ผ่านมา รวมไปถึงการมีส่วนรวมกับทีมก็ทำได้ย่ำแย่ราวกับว่า ลิเวอร์พูล มีนักเตะเพียงแค่ 10 คนเท่านั้นยามเขาลงสนาม

     แมตช์ต่อไปถือว่าเป็นเกมที่สำคัญอีกหนึ่งเกม เมื่อพวกเขาต้องเปิด แอนฟิลด์ รับการมาเยือนโคตรทีมอย่าง เรอัล มาดริด ยิ่งฟอร์มของซุปเปอร์สตาร์ โรนัลโด้ ในตอนนี้ต้องบอกเลยว่าเอาช้างมาชุดก็หยุดไม่อยู่ โดยส่วนตัวผมจึงหวั่นใจไม่น้อยว่านางโด้จะแผลงฤทธิ์เอาได้

วันนี้ผมจึงถือโอกาสหาเหตุผลที่ควรพัก บาโลเตลลี่ ไว้ที่ม้านั่งสำรองก่อนในเกมนี้ เหตุผลที่ว่ามีอะไรกันบ้างไปดูกันครับ...

ความไหลลื่นของเกม

     ความต่อเนื่องและจังหวะของเกมถือเป็นส่วนสำคัญของระบบการเล่นของ ร็อดเจอร์ส อยู่แล้ว จากผลงานซีซั่นที่แล้ว ทีมของเราถือได้ว่าเป็นหนึ่งในทีมทำต่อบอลกันไปมาได้ไหลลื่นทีมหนึ่งเลย และความไหลลื่นนั้นเองที่ทำให้เราเชื่อมเกมระหว่างหลังไปหน้าได้อย่างไม่มีที่ติ

การมีส่วนร่วมกับเกม

     จากผลงานที่ผ่านมาของ บาโลเตลลี่ ได้บ่งบอกในตัวอยู่แล้วถึงแม้เขาจะยังทำประตูได้แค่เม็ดเดียวเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการมีส่วนร่วมกับเกม ยิ่งเป็นตำแหน่งศูนย์หน้าแล้วยิ่งจำเป็นต้องประสานงานกับแนวรุกของทีมให้มากกว่านี้

ความขยัน

     การที่ ลิเวอร์พูล จะต่อกรกับดาวดังของ เรอัล มาดริด ได้นั้นต้องใช้พลังงานและความขยันของนักเตะในทีมทุก ๆ คน และเป็นไปได้สูงที่ เรอัล มาดริด จะครองเกมได้ซะส่วนใหญ่ การมี บาโลเตลลี่ ในสนามก็เท่ากับว่าเราศูนย์เสียนักเตะหนึ่งรายที่ไม่สามารถวิ่งกดดันคู่ต่อสู้ได้

การเล่นเกมส่วนกลับ

     ยุทธวิธี "เคาน์เตอร์ แอทแทค" คือแทคติกที่ ลิเวอร์พูล ใช้ได้ผลกับบรรดายักษ์ใหญ่มานักต่อนัก ในฤดูกาลที่แล้วเรามี หลุยส์ ซัวเรซ และ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ เป็นไม้เด็ดในการทะลุทะลวงคู่แข่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในนัดที่ถล่ม อาร์เซนอล ที่แอนฟิลด์ซีซั่นก่อน จากสไตล์การเล่นของ บาโลเตลลี่ แทคติกนี้ดูท่าจะไม่เวิร์คด้วยประการทั้งปวง บางทีการดัน สเตอร์ลิง มารับบทบาทดังกล่าวก็ดูจะเข้าท่าไม่น้อย

อารมณ์ที่ยากเกินจะคาดเดา

     บาโลเตลลี่ คือหนึ่งในนักเตะที่ขึ้นชื่อลือชาอยู่แล้วในเรื่องควบคุมอารมณ์ ถึงแม้เขาจะทำได้ดีนับตั้งแต่เข้ามาร่วมทีมกับเรา แต่การลงเล่นในเกมใหญ่เช่นนี้ความกดดันย่อมมีสูง แค่วัดกันที่ 11 ผู้เล่นปกติเราก็ดูไปรองแล้ว ถ้าเกิดโอ้ดันตบะแตกโดนใบแดงขึ้นมา เชื่อว่าทีมเราคงดูไม่จืดแน่...