ฮาลันด์จมหาย! ยิงแค่ 1 ครั้ง ผ่าน 0 ครั้ง เป๊ปใช้ผิดคนหรือเปล่า
เช้าวันที่ 10 เมษายน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก กลับมาเขย่าความมันส์อีกครั้ง เรอัล มาดริดพบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่สนามซานติอาโก เบร์นาเบว เกมนี้เต็มไปด้วยประตูสุดสวยจากโฟเดน, กวาร์ดิโอล่า, บัลเบร์เด้, โรดริโก้ และซิลวาเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนบอล แต่ท่ามกลางความสนุกสนาน ก็มีบางคนที่ผิดหวัง นั่นคือ ฮาลันด์ ที่กลายเป็น "ไม้ประดับ" บนสนามอีกครั้ง
เป๊ปวางแท็คติกเน้นรับ
ด้วยความได้เปรียบเล่นนัดแรกก่อน เป๊ปจึงวางแท็คติกเน้นรับ เก็บ เดอ บรอยน์ ไว้เป็นสำรอง ใช้งาน โรดริ และ โควาชิช เป็นคู่กองกลางตัวรับโฟเดน,ซิลวา และ กรีลิช เล่นริมเส้น คอยป้อนบอลให้ ฮาลันด์
ฮาลันด์โดนประกบติด
ในฐานะหัวหอกของแมนฯ ซิตี้ ฮาลันด์จึงถูกเรอัล มาดริด จับตายรูดิเกอร์ประกบตัวอย่างหนาแน่น บวกกับการช่วยไล่ของ โยอาเมนี ทำให้ ฮาลันด์ แทบไม่มีโอกาสได้ทำอะไร
สถิติที่น่าหดหู่
ฮาลันด์ ลงเล่นครบ 90 นาที แต่สัมผัสบอลแค่ 20 ครั้ง ยิงประตู 1 ครั้ง ผ่านบอลสำเร็จ 6 ครั้ง เสียการครองบอล 7 ครั้ง ฟาวล์ 2 ครั้ง ชนะการดวลตัวต่อตัวแค่ 4 จาก 8 ครั้ง ได้รับคะแนนเพียง 6.8 คะแนน ต่ำที่สุดในบรรดาผู้เล่นตัวรุก
เปรียบเทียบกับออร์เตก้า
ลองเปรียบเทียบกับออร์เตก้า ผู้รักษาประตูแมนฯ ซิตี้ ที่สัมผัสบอล 51 ครั้ง มากกว่า ฮาลันด์ เกือบเท่าตัว สะท้อนให้เห็นว่า ฮาลันด์ โดดเดี่ยวแค่ไหน
หายไปในเกมใหญ่
แฟนบอลเริ่มคุ้นเคยกับภาพนี้ ฮาลันด์ มักจะ "หาย" ไปในเกมใหญ่ ยิงประตูได้น้อย
ค่าตัว 1.8 พันล้านยูโร แพงเกินไป
มองในมุมมองของแท็คติก ฮาลันด์ มีหน้าที่ดึงดูดกองหลัง ช่วยให้โฟเดนและ กวาร์ดิโอล่า มีโอกาสยิงประตู ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะแมนฯ ซิตี้ ยิงได้ถึง 3 ประตูในเบร์นาเบว
แต่ด้วยค่าตัวมหาศาล 1.8 พันล้านยูโร หลายคนจึงตั้งคำถามว่า ถ้า ฮาลันด์ มีหน้าที่แค่ "ยืนเป็นเป้า"
เปรียบเทียบกับเอ็มบัปเป้
หลายคนเปรียบเทียบฮาลันด์กับเอ็มบัปเป้ ว่าเป็นสองดาวรุ่งที่เก่งที่สุดในยุคนี้ แต่ผลงานของทั้งคู่ดูจะต่างกัน เอ็มบัปเป้มีความสามารถในการยิงประตู และสร้างความอันตรายได้มากกว่า
สรุป
ฮาลันด์ ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะว่าสามารถ "แบกทีม" ได้ในเกมใหญ่